รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

น้ำตกตาดเยือง ลาว

 

น้ำตกตาดเยือง

เป็นน้ำตกสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองปากซอง คำว่าว่าเยืองแปลว่าเลียงผา
แม้จะเป็นน้ำตกขนาดกลางไม้สูงใหญ่เท่าตาดฟานก็ตาม แต่มีข้อดีกว่าคือคุณสามารถเข้าไปชมได้ใกล้ชิดถึงตัวน้ำตกจุดเด่นที่น่าชมอยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลออกมาตามหน้าผากระทบโขดหินแตกเป็นละอองสีขาวตัดกับสีดำเข้มของโขดหิน ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเป็นส่วนตัว

 

tour-tat-yueng-waterfall-laos

 

น้ำตกตาดเยื้องอยู่ที่เมืองปากซอง ห่างจากเมืองปากเซ 40 กิโลเมตร อยู่ท่ามกลางไร่กาแฟในเขตอุทยานดงหัวสาว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สวยงามมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในลาวใต้ เพราะธรรมชาติที่นี่ยังคงความอุดมสมบูรณ์มากและยังมีน้ำตกไหลทั้งปี ชาวลาวที่นี่บอกว่าในช่วงสี่โมงเย็น น้ำตกตาดเยื้องจะสวยงามมาก แสงจากพระอาทิตย์จะตกกระทบสายน้ำ เห็นเป็นละอองสีขาวสวยงาม และบริเวณเหนือน้ำตกมีทางเดินเล่น เย็นๆจะมีคนลาวนิยมอาบน้ำแถวๆนี้

 

tour-tat-yueng-waterfall-laos tour-tat-yueng-waterfall-laos

 

ที่นี่จะเก็บค่าเข้าชม 20 บาท เพื่อไว้เป็นค่าบำรุงอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่ สวยงามต่อไป นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ลาวใต้ส่วนมากที่ได้มาสัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของน้ำตกตาดเยื้อง ล้วนประทับใจและอยากกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง

 

tour-tat-yueng-waterfall-laos tour-tat-yueng-waterfall-laos

 

ที่ตั้ง
ใช้ทางหลวงหมายเลข 23 เส้นทางไปปากซอง มาถึงหลักกิโลเมตรที่ 40 มีทางแยกเข้าขวามือเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร
จุดเด่นของน้ำตก ลักษณะของน้ำตกจะแตกต่างกับน้ำตกตาดฟาน ตรงที่สามารถเดินเข้าไปชมและสัมผัสเล่นน้ำได้อย่างใกล้ชิดถึงตัวน้ำตก ถ้าท่านได้เดินไปถึงจุดชมวิวข้างล่างจะได้สัมผัสกับละอองน้ำที่ไหลมากระทบกับโขดหินอย่างเย็นสาบาย ส่วนด้านบนจะเป็นธารน้ำที่ไหลมาก่อนจะตกมาด้านล่าง ประมาณ 500 เมตร จุดนี้ท่านสามารถลงเล่นน้ำได้

 

tour-tat-yueng-waterfall-laos

บ้านชนเผ่า ลาว

tour-tribal-houses-laos
หมู่บ้านชนเผ่า
หมู่บ้านชนเผ่า เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานบาเจียง ซึ่งอยู่ไม่ไม่ไกลจากตัวน้ำตกตาดผาส่วม และน้ำตกแก่งส้มแมว

ภายในโครงการได้รวบรวมหมู่บ้านโบราณหลายชนเผ่าที่ยังมีเอกลักษณ์เหลืออยู่ พร้อมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าไว้ด้วย บ้านพักของโครงการถูกตัดแปลง จากบ้านต้นแบบของชนเผ่า ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ในโครงการประกอบด้วยชนเผ่า ประมาณ 8 ชนเผ่า ร่วมใจกันบริการแขกที่มาเยือนอุทยานบาเจียงนี้

tour-tribal-houses-laos-3

บ้านชนเผ่า รีสอร์ท อุทยานบาเจียง (คุณวิมล กิจบำรุง)

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ บาเจียง มีน้ำตกตาดผาส้วม หรือ ผาส้วม (ตาด แปลว่า น้ำตก ส้วม แปลว่า ห้องหอ ของเจ้าบ่าว เจ้าสาว)
น้ำตกตาด ผาส้วม หรือ ตาดผาส่วม แห่งนี้ จะ มีน้ำไหล ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามขึ้นชื่อ คุณวิมล เป็นนักธุรกิจที่มาลงทุน เปิดกิจการอย่างเป็นทางการ ได้กว่า 2 ปีแล้ว  รีสอร์ท แห่งนี้มีรัฐบาลร่วมหุ้นอยู่จำนวน 20 % คุณวิมล เล่าให้ฟังว่าในปี 2539 ท่านได้รับคำชักชวน จากรัฐบาลลาวให้เข้ามาพัฒนาธุรกิจ ท่องเที่ยวในลาว คุณวิมลไปดูหลายแห่งไม่มีที่ถูกใจ จนเหลือแห่งสุดท้ายคือที่นี่ ซึ่งกลายเป็น ที่ที่คุณวิมลถูกใจเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนั้น เป็นป่า เสื่อมโทรมเต็มไปด้วยขยะ ไร้สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อน ไหวเนื่องจากถูกชาวบ้านจับกินไปหมด เส้นทางเข้าออกลำบาก

tour-tribal-houses-laos-2

จากประสบการณ์ที่สะสมมาครึ่งชีวิต คุณวิมลใช้เวลาอีก 6 ปี ในการพลิกฟื้นธรรมชาติ และใส่จินตนาการและความคิด สร้างสรรค์ลงไป บริเวณน้ำตก ทั้งสองแห่งที่มีอยู่เดิมถูกแต่งเติมจากเดิมที่เป็นร่องน้ำเล็กๆ กลางแผ่นหิน ทางน้ำถูกบังคับ ขยายให้มาตกทั่วๆ ไปตามหน้าผา มีการแต่งเติมก้อนหิน เพื่อให้น้ำตกกระทบให้งดงามต้นไม้กว่า 5,000 ต้น ทั้งใหญ่ เล็ก ถูกขุดล้อมเข้ามาปลูกในโครงการ

ภายในโครงการยังได้รวบรวมหมู่บ้านโบราณของหลายชนเผ่า ที่ยังคงมีเอกลักษณ์เหลืออยู่พร้อมกับจัดทำพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าไว้ด้วย พนักงานภายในโครงการประกอบด้วย 8 ชนเผ่าถิ่นที่อยู่ของชนเผ่า อันหลากหลายที่เรียกรวมว่า ลาวเทิง เช่น ชาวละแว ละเวน กะตู้ระเด กูย หรือกวย (เผ่าเดียวกับชาวกูยนักเลี้ยงช้างแห่งลุ่มน้ำมูลของไทย) ฯลฯ ร่วมใจบริการแขกที่มาเยี่ยมเยือน อาหารปลอดสารพิษ พร้อมของหวานสมุนไพร ได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นต้นแบบสถานที่ท่องเที่ยวอนุรักษ์เชิงธรรมชาติ และสืบทอดวัฒนธรรมโบราณของชนเผ่าควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากที่นี่เป็นแห่งเดียวที่คริสตชน สามารถร่วมบูชามิสซา และ ใช้ชีวิตร่วมกัน ด้วยความเป็นน้ำหนี่งใจเดียวกัน คุณวิมลบอกว่า เจ้าหน้าที่ที่นี่มีจำนวน 80 คน 73 คน เป็นคาทอลิก อีก 3 คน เป็นโปรแตสแตนท์ 3 คนนับถือศาสนาพุทธ และ 1 คน นับถือผี แต่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขบทสนทนาที่สนุกสนาน พร้อมแฝงข้อคิด ทำให้รู้สึกถึงอัศจรรย์ของบุรุษผู้นี้

“เมื่อรู้ว่า คุณวิมล ป่วยเกือบปางตาย ด้วยเชื้อมาเลเลียที่อยู่ในเลือดเป็นจำนวนมากเมื่อเปิดรีสอร์ท แห่งนี้ได้เพียง 2 วัน   ความเจ็บป่วยไม่ได้ทำให้คุณวิมลรู้สึกท้อ แต่กลับยืนยันความเชื่อ ด้วยการน้อมรับ และหาวิธีการเพื่อเอาชนะ อุปสรรคในครั้งนี้ ตาที่พร่ามัวไม่สามารถเห็นได้แม้กระทั่ง คุณหมวย ภรรยาที่คอยเป็นกำลังใจให้ แต่ทุกคนในครอบครัว ช่วยกันสวดและหวังว่าปาฎิหารย์จะช่วยครอบครัวให้ได้กลับมาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนี้ ตามน้ำพระทัยของพระให้ได้”

วันนี้ คุณวิมล นั่งคุยกับพวกเราทีมงาน เล่าประสบการณ์ที่ได้เจอมากมาย  แถมยังบอกพวกเราด้วย ตอนนี้ ตาที่พร่ามัว เริ่มเห็นลาง ๆ แล้ว เป็นความหวังที่หลายคน เฝ้าภาวนาว่า จะมีอัศจรรย์ ช่วยให้ดีขึ้นเรื่อยๆ คำพูดของคุณวิมล ทำให้พวกเรา รู้สึกประทับใจที่เห็นถึงความพยายาม ที่ไม่มีคำว่าท้อแท้ และสิ้นหวัง จากบุคคลผู้นี้ พระที่ทำงานกับคุณวิมล กับครอบครัวของเขา เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่นี่ดูมีพลัง

tour-tribal-houses-laos-4

รีสอร์ท ท่ามกลางธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ น้ำตกที่นี่สวยงามตามธรรมชาติ ที่ฝีมือมนุษย์ทำไม่ได้ แต่ธรรมชาติที่นี่ทำได้ พวกเราบางคนได้มีโอกาสคุยกับคริสตชนที่ทำงานอยู่แห่งนี้ พวกเขาบอกว่า“มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่” ที่นี่มีข้าวกิน พวกเขาไม่ต้องล่าสัตว์เพื่อยังชีพแต่ทำงาน แลกข้าว และแลกความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติคืนมา

ชนเผ่าที่นี่อยู่ร่วมกันได้แม้ต่างเผ่า ต่างวัฒนธรรม และศาสนาเป็นเครื่องบ่มเพราะจิตใจ เสียงนก ที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมานานแล้ว เนื่องจากความทุรกันดาร และ เมื่อต้องจับพวกมัน มาวันนี้ ณ ที่ รีสอร์ทแห่งนี้ กลับเป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ใครที่โอกาสมาเยือนลาวแล้ว อย่าลืมแวะมาที่นี่ “ สวรรค์บนดิน”ขอบคุณในการต้อนรับที่มีแต่รอยยิ้ม และความจริงใจ ขอบคุณสถานที่พักที่ทำให้เราได้ดึ่มด่ำกับธรรมชาติ เราพบความรักของพระเจ้าท่ามกลางผู้คน และธรรมชาติ เราเดินทางกลับอุบลราชธานีในเช้าวันต่อมา กลับมาพร้อมกับความทรงจำที่ดีและภาพประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

น้ำตกตาดผาส้วม ลาว

tour-tat-pha-suam-waterfall-laos
น้ำตกตาดผาส้วม (Tad Pha Suam)
คำว่าส้วมเมืองลาวไม่ได้หมายถึงส้วมเมืองไทย..ห้องส้วมของลาวหมายถึงห้องรโหฐาน ห้องหอ ของเจ้าบ่าว - เจ้าสาว

อยู่บนทางหลวงหมายเลข 16 ณ กิโลเมตรที่ 32 และเลี้ยวซ้ายไปอีก 2 กม.คำว่า“ส้วม”ของลาว หมายถึง ห้องนอนของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า “ส้วม”ของไทย น้ำตกแห่งนี้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และมีธรรมชาติป่าไม้ให้ร่มเงา นำมาซึ่งความชุมชื้นและร่มเย็น ให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสไอน้ำอันเย็นฉ่ำ พร้อมชมความงามของน้ำตก ท่ามกลางแท่งหินยักษ์ เหมือนกับถูกนำมาเรียงร้อยตกแต่งไว้ เป็นห้องนอนสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งเรียกว่า “ถ้ำบิดามาเจียง”(ชาย) และในบริเวณเดียวกัน ยังมีน้ำตกขนาดเล็กที่ชื่อว่า น้ำตกตาดมะแงว(หญิง) ซึ่งมีน้ำตกไหลตลอดทั้งปีเช่นเดียวกัน

tour-tat-pha-suam-waterfall-laos-2 tour-tat-pha-suam-waterfall-laos-3

น้ำตกทั้งสองแห่ง น้ำสะอาดใสบริสุทธิ์ ไหลมาจากภูเขาเทวดา (ภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วเมื่อ 500ปี) ลงสู่ห้วยวังเรียง และลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป นักท่องเที่ยวสามารถอาบน้ำได้อย่างสบาย และยังมีรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัย ได้พักค้างแรมกลางป่าทึบ ฟังเสียงน้ำตก จักจั่นเรไร และสัตว์ป่า ซึ่งเป็นการสัมผัสและใกล้ชิดธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ หาชมได้ยาก ป่าไม้ยังไม่ถูกทำลายมากนัก ซึ่งเป็นอีกเสน่ห์อย่างหนึ่งของธรรมชาติแห่งนี้ ที่สามารถสะกดจิตนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมได้มาก ทั้งนี้ มีตำนานเล่าว่า น้ำตกผาส้วม เป็นห้องนอนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวดังชื่อข้างต้นที่มีการพัวพันกัน

มีนํ้าไหลตลอดทั้งปีและมีธรรมชาติป่าไม้ที่สมบูรณ์ให้ชุ่มชื้น ชมความงามของนํ้าตกท่ามกลางแท่งหินผาขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแท่งๆ ดูแปลกๆ ราวกับถูกนำมาเรียงตกแต่งไว้เป็นห้องนอนสวยงามอลังการ ซึ่งเรียกว่า ถํ้าบิกามาเจียง (ชาย) และนํ้าตกขนาดเล็กเรียกว่าตาดมะแงว (หญิง)

นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเอาหมู่บ้านโบราณของหลายชนเผ่ามาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน เช่น บ้านของขาวกระต้าง ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบๆน้ำตกนี้ บ้านของชาวเผ่าอาลัก บ้านของชาวกระตู้ หอกวน ที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของชาวเผ่าละแว ภายในจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของชาวเผ่าให้ชมเป็นจำนวนมาก และหอสูงของชาวละแวที่ใช้เป็นที่สังเกตการณ์ภายในหมู่บ้าน และที่น่าสนใจที่สุดคือบ้านพักของทางอุทยานที่ตกแต่งได้สวยงามอย่างลงตัว ด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น

tour-tat-pha-suam-waterfall-laos-4 tour-tat-pha-suam-waterfall-laos-5

ตลาดดาวเรือง ลาว

tour-dao-rueng-market-laos

tour-dao-rueng-market-laos-2

tour-dao-rueng-market-laos-3 tour-dao-rueng-market-laos-4


ตลาดดาวเรืองปากเซ

"ตลาดดาวเรือง" ตลาดเช้าของชาวปากเซ "ดาวเรือง" เป็นชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เคยทำงานลำบากตั้งแต่เลือกกาแฟ ก่อนที่จะค่อยๆ ประสบผลสำเร็จขึ้นๆ จนวันนี้คุณดาวเรืองเป็นเจ้าของตลาดดาวเรือง โรงแรม และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งร้านขายไวน์ที่อยู่ที่ด่านช่องแมกฝั่งลาวด้วย ทุกวันนี้คุณดาวเรืองก็ยังคงอยู่ จะเที่ยวตลาดของเขาสักทีรู้ที่มาของชื่อกันก่อน

"ตลาดดาวเรือง" ตลาดเช้าเช้าของปากเซที่นี่ใหญ่มากจริงๆ ใหญ่ว่าที่ผมเห็นที่อื่นๆในลาว รวมทั้งหลวงพระบาง หรือเวียงจันทน์ก็ตาม ตลาดนี่มีของเยอะมาก ไปเดินตลาดนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ทั้งผลไม้ ผัก ปลา ของสดมากมาย

แนะนำว่าให้หาของกินที่ตลาดดาวเรืองด้วยเลยตอนเช้าเพราะมีร้านขายอาหารเพียบ หลายร้านดูสะอาดน่ากินทั้งเฝอ ข้าว หรืออาหารตามสั่ง และที่สำคัญราคาที่ถูกกว่าข้างนอก ส่วนใหญ่คนปากเซจะมากินกันที่นี่ จากตลาดดาวเรืองเดินไปทางริมแม่น้ำโขงแล้วเดินไปทางขวาจะมีท่าเรือเล็กที่ เขากลับจากหาปลาตอนเช้าพอดี

tour-dao-rueng-market-laos-5 tour-dao-rueng-market-laos-6

tour-dao-rueng-market-laos-7

วัดภู่กิ่งแก้วกองมณี (วัดหาดทรายคูณ) ลาว

วัดภูกิ่งแก้วกองมณี

วัดหาดทรายคูณ หรือ วัดภูกิ่งแก้วกองมณี ตั้งอยู่ที่ อ.ดอนโขง แขวงจำปาสัก ประเทศลาววัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่มีชื่อเสียงของลาวใต้ ชาวลาวในบริเวณนั้นให้ความเคารพนับถือกันมาก และยังเป็นวัดที่จำพรรษาของหลวงปู่ชาโงน เกจิอาจารย์ดังแห่งลาวใต้ วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงติดริมถนน มีทำเลที่ตั้งที่สวยงาม เหมาะสำหรับเป็นจุดชมวิวเมือง นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ลาวใต้ก็นิยมมาสักการะ กราบไหว้พระ ที่วัดนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต อีกทั้งยังสามารถชมวิว เมืองจากมุมสูงของวัดนี้อีกด้วย และสำหรับช่วงเทศกาลจะมีผู้คนให้ความสนใจมาทำบุญที่วัดนี้อย่างหนาแน่น

tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-7
tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-8

การเดินทางเริ่มต้นจาก ปากเซ ใช้ เส้นทางหมายเลข 13 จากนั้นก็เลี้ยวตรงหลักกิโลเมตรที่ 8 ทางเดียวกับที่ไปน้ำตก หลี่ ผี คอนพะเพ็ง ให้ขับตรงมาประมาณหลักกิโลเมตรที่ 121 จะเห็นวัดหาดทรายคูณ อยู่ทางขวามือ ติดถนน เป็นวัดใหญ่สวยงามตั้งบนเนินเขา

tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos
tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-6

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่สำคัญของการไปทัวร์ลาวใต้ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะแวะก่อนไปถึงน้ำตก หลี่ ผี ถ้าหากสนใจเข้าดูโปรแกรมทัวร์ลาวใต้ รายละเอียดข้อมูลต่างๆ ได้ที่ www.newviewtour.com

tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-2
tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-2
tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-4
tour-wat-phu-wat-king-kaew-kong-manee-laos-5

ต้นมณีโคตร ลาว

tour-manee-khot-tree-laos
ต้นมณีโคตร
โดยก่อนถึงคอนพะเพ็ง “ต้นมณีโคตร”(มะนีโคด) ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลาวนับถือกลางลำน้ำโขงโดยมีไทร 2 ต้น ขึ้นขนาบข้าง ซึ่งมณีโคตรศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มีต้นเดียวในเอเชีย มีอายุอานามนับร้อยปีหรืออาจถึงพันปีทีเดียว

มณีโคตรต้นนี้ มองด้านหนึ่งคล้ายเขาควาย มี 3 กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวบ้านที่นี่เชื่อว่าใครได้กินผล(หมาก)ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร ชาวบ้านเชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งหันไปทางฝั่งไทย ใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึ้น เยาว์วัยขึ้น

“แต่วันนี้ยังไม่เคยมีใครได้กินหมากจากกิ่งไหนเลย เพราะไม่เคยมีใครเข้าไปถึงยังมณีโคตรต้นนี้ที่ขึ้นอยู่บนเกาะเล็กๆกลางล้ำน้ำโขงอันเชี่ยวกรากได้ แม้แต่ฝรั่งเศสในสมัยที่ยังปกครองลาวเคยพยายามส่ง ฮ.(เฮลิคอปเตอร์)เข้าไปบินใกล้ๆ เพราะดูถูกในความเชื่อของคนลาว แต่ ฮ. ก็ต้องตกลงใกล้ๆต้นไม้อย่างไม่รู้สาเหตุ”

ด้วยความเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ชาวลาวจึงสร้างศาลปู่เจ้ามณีโคตรไว้บนฝั่งที่สามารถมองเห็นต้นมณีโคตรได้อย่างชัดเจน ใครไปใครมาสามารถแวะสักการะหรือบนบานศาลกล่าวศาลปู่เจ้ามณีโคตรกันได้ตามแต่ศรัทธา

บริเวณที่ตั้งของต้นมณีโคตรเป็นต้นน้ำเหนือน้ำตกคอนพะเพ็ง

tour-manee-khot-tree-laos

น้ำตกหลี่ผี ลาว

tour-li-phi-waterfall-laos
น้ำตกหลี่ผีหรือ ตาดสัมพะมิตร
ตั้งอยู่ที่ดอนคอน เป็นน้ำตกหลี่ผี ที่ไหลผ่าน กลางแม่น้ำโขง ไหลรวมกันมา จนรวมกันเป็นแรงแม่น้ำกระทบ เกาะ หรือที่เรียกว่า มหานที สี่พันดอน แก่งหินต่าง ๆ อันเกิดจากพื้นของแม่น้ำโขง ได้เกิดการยุบตัวลง เป็นหลุม และเกิดผาสูง ประมาณ 15 ถึง 20 เมตร ทำให้สายน้ำที่ไหลตกลงมาเป็น กระแสน้ำ ที่เชี่ยวกราก เปรียบเสมือนดั่ง กังหันแห่งสายน้ำ ที่มีแรงกระทบของสายน้ำ อย่างแรง

เป็นนํ้าตกกลางลำนํ้าโขง เกิดจากพื้แม่นํ้าโขงยุบตัวลงเป็นโตรกผาสูง 15 - 20 เมตร ทำให้นํ้าโขงไหลตกลงมาเป็นกระแสนํ้าเชี่ยวกราก ชื่อหลี่ผี มาจากคำว่า หลี่ คือเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งคล้ายลอบ และผี ก็คือศพคนตายที่ไหลตามนํ้าแล้วถูกพัดพามาติดหลี่จับปลาของชาวบ้านที่มีอยู่มากมาย

tour-li-phi-waterfall-laos-2 tour-li-phi-waterfall-laos-3

หลี่ เป็นภาษาลาว หมายถึง เครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายลอบ ส่วนคำว่า ผี ผี หมายถึงศพคนตาย ซึ่งบริเวณน้ำตกหลี่ผีจะมีกระแสน้ำไหลบ่าตามพื้นที่ราบผ่านแผ่นหิน แล้วไหลตกลงมาตรงช่องซอกเขาที่แตกแยกออกจากกัน กระแสน้ำสีเขียวเข้มในหน้าแล้งหรือสีชาในช่วงฤดูฝนจะไหลบ่าตกลงมาเบื้องล่าง จากนั้นจึงไหลไปตามรอยแยกของซอกเขาเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร

tour-li-phi-waterfall-laos-4 tour-li-phi-waterfall-laos-5

จุดที่พบศพมากๆ คือบริเวณร่องหินของน้ำตกหลี่ผี บริเวณนี้กระแสน้ำจะไหลมารวมตัวกันเป็นแอ่งขนาดใหญ่ จากนั้นน้ำจะวนไปมาแล้วจึงไหลตกลงไป ด้านล่างผ่านซอกและหลืบหินแคบๆ ทำให้ศพของทหารในสมัยสงครามอินโดจีนจำนวนมากลอยมาติดในหลี่จับปลา ชาวลาวจึงเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า หลี่ผี ช่วงที่เหมาะแก่การเที่ยวชมคือช่วงกรกฎาคม – ธันวาคม เพราะคุณจะเห็นสายน้ำจำนวนมากในแก่งหลี่ผีที่ไหลถาโถมผ่านเนินหินโขดหินลงมาด้วยกำลังแรงแตกเป็นละอองสีขาวไปทั่วแก่งดูสวยงามตื่นตามา

tour-li-phi-waterfall-laos-6 tour-li-phi-waterfall-laos-7

บริเวณนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกอย่างที่หาชมได้ยากคือโลมานํ้าจืด หรือโลมาอิรวดี บริเวณใต้นํ้าตกหลี่ผี โดยที่โลมาอิรวดีในประเทศลาวพบเพียง 2 แห่ง คือ แม่นํ้าเซกอง แขวงอัตตะปือ และแม่นํ้าโขง โลมาอิรวดี หรือโลมาหัวบาตร คนลาวเรียกว่า ปลาข่า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่หายาก อาศัยอยู่ได้ทั้งนํ้าจืดและนํ้าเค็ม ลักษณะของปลาข่า ลำตัวสีเทาดำ หัวกลมทุยไม่มีจะงอย ลำคอใหญ่ยืดหยุ่นได้ผิวหนังหนาและลื่นด้วยไขมัน มักอาศัยรวมกันเป็นฝูง ชาวท้องถิ่นแถบชายแดนลาว - กัมพูชา เชื่อว่าปลาข่าคือมนุษย์กลับชาติมาเกิด มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับปลาข่าช่วยชีวิตชาวบ้านและช่วยชาวประมงจับปลา จึงไม่มีการจับปลาชนิดนี้ไม่ว่าเป็นอาหารหรือกีฬา ช่วงสงครามล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชาประมาณปีพ.ศ 2510 เศษๆ ทหารเขมรล่าปลาข่าจำนวนมากเพื่อเอาไขมันมาทำเป็นเชื้อเพลิง และเพื่อให้ชาวบ้านเลิกเชื่อความคิดเดิมๆ ชะตาปลาเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อมีการใช้ระเบิดจับปลาในทะเลสาบของเขมร แรงระเบิดรุนแรงมาถึงแม่นํ้าโขง จำนวนปลาข่าที่เหลือน้อยยิ่งลดลงไปจนแทบสูญพันธุ์ ปัจจุบันทางการไทยเสนอให้โลมาอิรวดีเป็นสัตว์สงวนแล้ว

การเดินทาง
จาก จ.อบลราชธานี ในประเทศไทย ด่านตม. ตรงช่องเม็ก ข้ามสะพานญี่ปุ่น-ลาว ไปยังปากเซเป็นระยะทางประมาณ 40 กม. จากนั้นใช้เส้นทางหมายเลข 13 ให้เลี้ยวตรงหลักกม.ที่ 8 เพื่อไปทางน้ำตกคอนพะเพ็ง-หลี่ผี (เป็นทางลาดยางตลอด) ขับตรงมาตรงประมาณหลักกม.ที่ 147 จะมีป้ายบอกไปดอนโขง ให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับมาให้สุดทางจะเป็นทางลูกรังประมาณอีก 3 กม. จะถึงท่าเรือบ้านนากะสัง ท่านสามารถลงเรือข้ามฟาก (คนละประมาณ 15,000 กลีบ ไป-กลับ) จากนั้นนั่งรถเช่า(คนละประมาณ 15,000 กลีบ ไป-กลับ) เป็นรถหกล้อ ไปอีกประมาณ 4 กม. จะเป็นลานจอดรถ จากนั้นเดินทางเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตกหลี่ผี

น้ำตกคอนพะเพ็ง ลาว

tour-khon-pha-pheng-waterfalls-laos
น้ำตกคอนพะเพ็ง หรือตาดคอน(Khon Phapheng Falls)
จากดอนคอนหรือดอนเด็ด นั่งรถหรือเรือไปที่บ้านนากะสัง แล้วเดินทางต่อไปประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ตั้งของนํ้าตกคอนพะเพ็ง เป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกันสูงประมาณ 10 เมตร (ชื่อของนํ้าตกจึงมีคำว่าคอน ซึ่งตามภาษาลาว คอนหมายถึงเนินหินที่ผุดขึ้นในแม่นํ้าและมีบางส่วนเชื่อมต่อกับแผ่นดิน) ทำให้แม่นํ้าโขงแตกแยกออกเป็นสายไหลถาโถมลงสู่พื้นระดับล่าง ความแรงของนํ้าก่อเสียงดังกึกก้องได้ยินไปไกลบริเวณริมตลิ่งมีศาลาหลังใหญ่ไว้ให้ชมวิว ซึ่งแม้จะมีชั้นของหินไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหนถามโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมาจากนั้นจะแยกออกเป็นหลายสาย สาเหตุเพราะแรงดันของน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหินราวกับจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว สมกับคำร่ำรือและยกย่องให้เป็น ไนแองการ่า แห่งเอเชีย ความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่กระโจนบิดตัวปะทะแก่งหินน้อยใหญ่ จนเดือดพล่านกระจายเป็นละอองไอน้ำแทรกตัวปกคลุมอยู่ตามแก่งหินแทบทุกอณูของบรรยากาศ

tour-khon-pha-pheng-waterfalls-laos-2 tour-khon-pha-pheng-waterfalls-laos-3

ภาพของน้ำตกคอนพะเพ็งที่น่าตื่นตาตื่นใจ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดจากศาลาไม้ที่สร้างไว้บนเหนือบริเวณที่กระแสน้ำไหลบ่าถาโถมลงมารวมตัวกันพอดี แต่หากต้องการสัมผัสความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอย่างใกล้ชิดจากศาลาไม้ก็มีทางเดินลงมาชมบริเวณตัวน้ำตกในอีกมุมมองได้เช่นกัน

ชาวบ้านบางคนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มักยอมเสี่ยงตายปีนบันไดไม้ไผ่ออกไปวางเบ็ด หรือบางคนลงไปทอดแหหาปลาบริเวณด้านล่างของน้ำตกคอนพะเพ็งอยู่เสมอ บริเวณน้ำตกมีร้านอาหารที่มีเมนูเด็ดอย่างปลาแม่น้ำให้เลือกมากมาย

tour-khon-pha-pheng-waterfalls-laos-4

เมืองปากเซ ลาว

tour-pakse-laos-2
เมืองปากเซ (Pakse)
เมืองหลวงของแขวง เมืองปากเซ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศลาว เป็นเมืองที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ 2448 เพื่อคานอำนาจกับเมืองจำปาสัก (บ้านวัดทุ่ง) เดิมทีเป็นเมืองท่าเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้ำเซดอนมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ต่อมา เมื่อฝรั่งเศสได้ดินแดนแถบนี้ไปจากสยามเมื่อคราวพิพาท ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) จึงได้ตั้งเมืองปากเซ ให้เป็นศูนย์กลางการปกครองดินแดนทางภาคใต้ของลาวขึ้นในปี พ.ศ.2448 แต่ถึงเป็นเมืองใหญ่ติดอันดับของประเทศ ก็ไม่นับว่าใหญ่โตเท่าใดนัก เมื่อเทียบกับขอบเขตของเมืองหรือจำนวนประชากร ตึกใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากกลางแม่น้ำ คือวังเก่าของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก

ปัจจุบันได้กลายเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง ชื่อ"จำปาสักพาเลส" ตัวเจ้าบุญอุ้ม ซึ่งเป็นเจ้าของวังนั้น ความจริงไม่เคยอยู่ในวังของตัวเองเลยครับ เพราะอพยพไปอยู่ฝรั่งเศสเสียตั้งแต่ก่อนวังจะสร้างเสร็จ ส่วนเจ้าบุญอุ้ม จะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ไกด์อุบล ขอเชิญท่านติดตามได้ ณ บัดนี้

tour-pakse-laos tour-pakse-laos-4

เจ้าบุญอุ้ม เป็นบุตรคนโตของเจ้าราชนัดดาหยุย เจ้าครองนครจำปาสัก เรียนจบมาจากสำนักการศึกษาในอินโดจีนของฝรั่งเศส ณ เมืองฮานอย ครั้งสงครามอินโดจีนเมื่อไทยกับฝรั่งเศสรบกันเมื่อปี พ.ศ.2484 เจ้าบุญอุ้มยังเป็นข้าราชการในรัฐบาลฝรั่งเศส ครั้งนั้น ไทยตีเข้ามายึดดินแดนที่เสียให้แก่ฝรั่งเศส ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งรวมถึงเขตเมืองนครจำปาสัก ญี่ปุ่นซึ่งเริ่มแผ่อิทธิพลในอินโดจีนได้เข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยสงบศึก ฝ่ายไทยได้ดินแดนฝั่งตะวันตก (ฝั่งขวา) ของแม่น้ำโขงกลับคืนมา และญี่ปุ่นเข้ามาครอบครองลาวส่วนที่เหลือทั้งหมด

เจ้าบุญอุ้ม หนีออกจากเมืองตั้งแต่กองทัพไทยบุกเข้าเมือง ไปอยู่กับฝรั่งเศส และได้เป็นหัวหน้ารวบรวมประชาชนแถบลาวใต้ ขึ้นเป็นกองโจรต่อต้านญี่ปุ่น เมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยต้องคืนดินแดนที่ได้มาเมื่อปี พ.ศ.2484 ให้กับฝรั่งเศส แต่ลาวต้องกลับไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสตามเดิม เจ้าบุญอุ้มได้รับการสมนาคุณจากฝรั่งเศสถึงขนาดให้เป็น ผู้ตรวจการใหญ่ มีอำนาจรองจากเจ้ามหาชีวิต ตั้งแต่นั้นมา เจ้าบุญอุ้มก็มีช่องทางหาเงินได้มากมาย โดยเฉพาะจากกิจการเหมืองแร่ แต่ต่อมายังมีกิจการค้าอาวุธกับพวกคอมมิวนิสต์อีกด้วย

เจ้าบุญอุ้ม เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศลาว ในฐานะผู้ทรงอิทธิพลฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด จากภาคใต้ที่อุดมสมบูรณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีลาวถึง 2 สมัย คือ พ.ศ.2491-2493 และ พ.ศ.2503-2505 ถึงช่วงปี พ.ศ.2513 การเมืองลาวแตกเป็นหลายก๊กหลายเหล่า เจ้าบุญอุ้มซึ่งขณะนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ทางใต้ที่เมืองปากเซ พอลาวเกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในปี พ.ศ.2518 ก็หนีไปอยู่ฝรั่งเศสและไม่กลับมาอีก ทิ้งวังที่กำลังก่อสร้างค้างไว้ ต่อมารัฐบาลลาว ให้บริษัทคนไทยจัดการต่อเติมจนเสร็จ และเปิดเป็นโรงแรมในภายหลัง

tour-pakse-laos-3

เมืองปากเซ : ตั้งอยู่ตรงบริเวณที่แม่นํ้าโขงกับแม่นํ้าโดนไหลมาบรรจบกัน ห่างจากชายแดนไทยที่ช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี 42 กิโลเมตร แผนผังเมืองปากเซมีถนนตัดกันเป็นตารางสี่เหลี่ยม เดินเที่ยวชมสถานที่สำคัญในตัวเมืองได้ภายในวันเดียว

ปราสาทวัดพู ลาว

tour-prasat-wat-phu-laos
ปราสาทวัดพู (ปราสาทวัดภู)
เป็นพิพิดทะพันสะถาน (พิพิธภัณฑสถาน) ที่สำคัญที่สุดในจำปาสัก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในอดีตที่ตั้งของวัดพู เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแห่งอารยะธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6 – 8 ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้า ต่อมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร ที่เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหินในราวศตวรรษที่ 9 และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ตั้งอยู่บนเนินเขาพูป่าสัก หรือพูควย ห่างจากตัวเมืองไป 9 กิโลเมตร

เป็นเทวสถานของขอมคล้ายกับเขาพระวิหาร สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 12 สมัยพระเจ้ามเหนทราวรมัน เพื่อใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าและประกอบพิธีทางศาสนาตามลัทธิพราหมณ์ - ฮินดู ต่อมาลาวได้รับพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศ เทวสถานแห่งนี้จึงเปลี่ยนเป็นวัดพุทธศาสนิกายเถรวาท

สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นคือภูเขาด้านหลังปราสาทที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล รูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผาแห่งนี้ว่าเขานมสาว แต่ชาวบ้านนิยมเรียกภูเกล้ามากกว่า อาณาเขตของปราสาทวัดภู เริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้นรถหลั่นกันขึ้นมา 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่ชั้นบนสุด นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่แข่งเรือและที่สรงน้ำสำหรับพิธีกรรมต่างๆ

tour-prasat-wat-phu-laos-2 tour-prasat-wat-phu-laos-3

เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะเห็นซากวังที่พระราชวงค์สายจำปาสักให้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรงานเทศกาลประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวัน 15 ค่ำ เดือน 3 สืบทอดต่อมาจนทุกวันนี้ ถัดมามีบันไดทางขึ้นที่ตัดในแนวตะวันออก – ตะวันตก ทอดผ่านสระน้ำทรงสี่เหลี่ยม 2 แห่ง ตรงขึ้นไปสู่ชาลา (ทางเดิน) ชั้นกลางซึ่งมีปรางค์ 2 หลัง

ขนาบข้าง สันนิษฐานจากภาพสลักรูปเทพเจ้าว่า ปรางค์ด้านขวามือเป็นสถานที่บวงสรวงบูชาสำหรับบุรุษ ส่วนปรางค์ทางซ้ายมือเป็นสถานที่บวงสรวงสำหรับสตรี เหนือโคปุระหรือประตูทางเข้าปรางค์ทั้งสอง เป็นทับหลังแกะสลักภาพนูนต่ำเล่าเรื่องราวในศาสนาฮินดู เดินต่อมาผ่านสิ่งปลูกสร้างหลายหลัง มีภาพปรักหักพังจนมองไม่ออกว่าสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด ผ่านบันไดที่มีรูปรางคล้ายเกล็ดนาคมาถึงหินสลักรูปโยนี สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของศาสนาฮินดูที่อยู่ทางขวามือและซ้ายมือของทางเดินหลัก

tour-prasat-wat-phu-laos-4 tour-prasat-wat-phu-laos-5

ถัดมาเป็นบันไดสูงชันที่ทอดสู่ชาลาชั้น 3 ผ่านทิวแถวของต้นจำปาเรียงรายสองข้างทางมาถึงปรางค์ประธานตั้งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของเทวรูป ทับหลัง และต้นไม้น้อยใหญ่ ในอดีตมีการต่อรางน้ำที่ไหลออกจากหินย้อยในหลืบถ้ำบริเวณด้านหลังมาสู่ศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในองค์ประธาน เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม ซึ่งบ่งบอกได้ว่าปราสาทวัดพููแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูไศวนิกาย แต่ปัจุบันศิวลึงค์ได้ถูกนำออกมาและเปลี่ยนไปเป็นพระพุทธรูปแทน ชาวบ้านนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา และเรียกปรางค์ประธานแห่งนี้ว่า หอไหว้

ส่วนทางด้านหลังซ้ายมือของปรางค์ประธานมีแผ่นหินขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีภาพแกะสลักรูปตรีมูรติขนาดเกือบเท่าคนจริง ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าทั้ง 3 องค์ ผู้เป็นใหญ่ในศาสนาฮินดูได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม เดินถัดมาประมาณ 10 เมตร จะพบก้อนหิน 2 ก้อน แกะสลักเป็นรูปจระเข้และบันไดนาคอยู่ตรงข้ามกัน เชื่อว่าอาจเป็นฝีมือของชาวเจนละในสมัยนั้นที่สลักไว้เพื่อใช้ในพิธีบูชายัญ นอกจากนี้ยังพบก้อนหินรูปร่างกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขาแกะสลักเป็นรูปหัวช้างเชื่อว่าเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายสมัยของเรืองอำนาจ

สำหรับงานบุญประเพณีของวัดพูเป็นเทศกาลที่โด่งดัง และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี (วันเพ็ญเดือนสาม) ซึ่งจะจัดติดต่อกัน 3 วัน โดยประชาชนชาวลาวจากทั่วทุกแขวงจะเดินทางนำสิ่งของมาบวงสรวงบูชาตามจุดต่างๆ ในบริเวณองค์ประธาน สำหรับในวันสุดท้ายจะมีพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาต พอตกค่ำจะมีพิธีเวียนเทียนไปรอบๆปรางค์ประธาน ภายในงานมีการละเล่น การบันเทิง การออกร้านขายของ ขายอาหารและการแข่งขันต่างๆ เช่น เรือพาย ชนไก่ ชกมวย ฯลฯ เป็นงานรื่นเริงสนุกสนานมากกว่างานทำบุญทางศาสนา

tour-prasat-wat-phu-laos-6 tour-prasat-wat-phu-laos-7

เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะเห็นซากวังที่พระราชวงค์สายจำปาสักให้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรงานเทศกาลประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวัน 15 ค่ำ เดือน 3 สืบทอดต่อมาจนทุกวันนี้ ถัดมามีบันไดทางขึ้นที่ตัดในแนวตะวันออก – ตะวันตก ทอดผ่านสระน้ำทรงสี่เหลี่ยม 2 แห่ง ตรงขึ้นไปสู่ชาลา (ทางเดิน) ชั้นกลางซึ่งมีปรางค์ 2 หลังขนาบข้าง สันนิษฐานจากภาพสลักรูปเทพเจ้าว่า ปรางค์ด้านขวามือเป็นสถานที่บวงสรวงบูชาสำหรับบุรุษ ส่วนปรางค์ทางซ้ายมือเป็นสถานที่บวงสรวงสำหรับสตรี เหนือโคปุระหรือประตูทางเข้าปรางค์ทั้งสอง เป็นทับหลังแกะสลักภาพนูนต่ำเล่าเรื่องราวในศาสนาฮินดู เดินต่อมาผ่านสิ่งปลูกสร้างหลายหลัง มีภาพปรักหักพังจนมองไม่ออกว่าสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด ผ่านบันไดที่มีรูปรางคล้ายเกล็ดนาคมาถึงหินสลักรูปโยนี สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของศาสนาฮินดูที่อยู่ทางขวามือและซ้ายมือของทางเดินหลัก

ถัดมาเป็นบันไดสูงชันที่ทอดสู่ชาลาชั้น 3 ผ่านทิวแถวของต้นจำปาเรียงรายสองข้างทางมาถึงปรางค์ประธานตั้งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของเทวรูป ทับหลัง และต้นไม้น้อยใหญ่ ในอดีตมีการต่อรางน้ำที่ไหลออกจากหินย้อยในหลืบถ้ำบริเวณด้านหลังมาสู่ศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในองค์ประธาน เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม ซึ่งบ่งบอกได้ว่าปราสาทวัดพููแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูไศวนิกาย แต่ปัจุบันศิวลึงค์ได้ถูกนำออกมาและเปลี่ยนไปเป็นพระพุทธรูปแทน ชาวบ้านนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา และเรียกปรางค์ประธานแห่งนี้ว่า หอไหว้

tour-prasat-wat-phu-laos-8 tour-prasat-wat-phu-laos-9

ค้นหาที่ท่องเที่ยว


Thailand Tourism Standard

ทัวร์แนะนำ

ผู้เข้าชม

มี 2803 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์