รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

บ้านผาตั้ง ลาว

tour-ban-pha-tang-laos

บ้านผาตั้ง
เมื่อถึงกิโลเมตรที่ ๑๗๓ เส้นทางจะผ่านภูมิประเทศหินปูนซึ่งมีความสวยงามแปลกตา เป็นระยะทางนับสิบกิโลเมตร ตั้งแต่ผาแดง ผาตั้ง และผาฮ้อมหมู่บ้านแถบนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ปัจจุบันที่บ้านผาแดงและผาตั้งมีผู้เิ่ริ่มทำเกสต์เฮาส์ขนาดเล็กขึ้นบ้างแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักได้หากไม่ชอบความพลุกพล่านของเมืองวังเวียง

บ้านซ่างไห ลาว

tour-ban-sang-hai-laos

บ้านช่างไห
เป็นจุดแวะจุดแรกบนเส้นทาง หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากหลวงพระบางไปทางทิศเหนือตามถนนนมายเลข ๑๓ เหนือราว ๒๕ กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าบ้านซ่างไหอีกราว ๕ กิโลเมตร บ้านซ่างไหเป็นหมู่บ้านของชาวลาวลุ่มที่อยู่ิริมแม่น้ำโขง มีชื่อเสียงในด้านการทำเหล้าด้วยวิธีการกลั่นแบบพื้นบ้านดั้งเดิม เหล้าไหแห่งบ้านซ่างไหนี้รสชาติร้อนแรง สีเหล้าใสบริสุทธิ์ ไร้มลทิน แบบที่เรียกว่า “ใสเป็นตาตั๊ักแตน” ปัจจุบันนอกจากจุดเด่นเรื่องเหล้าแล้ว ยังมีแม่ค้าระลึกจากหลวงพระบางมาวางขายด้วย

tour-ban-sang-hai-laos tour-ban-sang-hai-laos

เป็นชุมชนริมแม่น้ำโขงที่มีอาชีพหลักในการต้มเหล้า ว่ากันว่าเหล้าขาวของที่นี่รสชาติดีมาก แทบทุกครัวเรือนจึงมีอาชีพในการต้มเหล้า แต่เดิมเป็นเพียงการต้มขายภายในเขตหมู่บ้าน แต่เมื่อชื่อเสียงในด้านรสชาติกระจายออกไป จึงกลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนไปโดยปริยาย นอกจากการต้มเหล้าแล้วที่นี่ยังมีการวางจำหน่ายสินค้าหัตถกรรมเช่นเดียวกับ บ้านผานม เพียงแต่จะไม่รวมศูนย์จำหน่าย จะแยกกันขายบ้านใครบ้านเรา สินค้าประเภทผ้าไหมทอมือ ฝีมือจะค่อนข้างละเอียดกว่าบ้านผานม ลวดลายจะออกมาในแบบศิลปะพื้นบ้าน สีสันเน้นไปทางสีน้ำเงินและสีค่อนข้างทึบ ผลิตภัณฑ์หัตกรรมที่นี่ค่อนข้างจะหลากหลายกว่าแห่งแรก มีเครื่องเงินที่เป็นฝีมือของที่นี่เอง และเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนจากแม้วหรือ ม้งแซมอยู่ประปราย

tour-ban-sang-hai-laos tour-ban-sang-hai-laos

ชื่อบ้านซ่างไหมิได้มาจากการเป็นหมู่บ้านต้มเหล้าในไหอย่างที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าใจ แต่เพราะมีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาอายุเก่าแก่ซึ่งชาวลาวเรียกว่า ไห ปัจจุบันหลุมขุดค้นซึ่งสำรวจแล้ว โดยนักโบราณคดีจากอิตาลี เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน หลุมอยู่ใกล้กับวัดประจำหมู่บ้าน

tour-ban-sang-hai-laos tour-ban-sang-hai-laos

จากบ้านซ่างไหไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขงราว ๑๐ กิโลเมตร ถนนจะมาสิ้นสุดที่บ้านปากอู เป็นบริเวณซึ่งแม่น้ำอูไหลมารวมกับแม่น้ำโขง มีร้านอาหารบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน และมีเรือรับจ้างพาข้ามฝั่งไปยังถ้ำติ่ง

tour-ban-sang-hai-laos tour-ban-sang-hai-laos

บ้านเจ๊ก ลาว

tour-baan-jek-laos

บ้านเจ๊ก และเฮือนมรดกเชียงม่วน
เลยจากหอพิพิธภัณฑ์ไปจะเข้าสู่ย่านตึกแถวโบราณของเมืองหลวงพระบาง ที่ทอดตัวยาวอยู่สองฝั่งถนนสีสะหว่างวง เป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมือง บริเวณนี้ชาวหลวงพระบางเรียกว่าย่านบ้านเจ๊ก เนื่องจากสมัยก่อนเป็นย่านร้านค้าและที่อยู่อาศัยของคนเขื้อสายจีน

ตึกแถวในละแวกนี้มีลักษณะเป็นห้องแถวแบบจีน แต่ประดับตกแต่งลวดลายคล้ายแบบยุโรปจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างในสมัยพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ โดยผู้เป็นกำลังสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาเมืองหลวงพระบางก็คือ เจ้าอุปราชบุญคงกล่าวได้ว่าสภาพผังเมืองหลวงพระบางในปัจจุบัน รวมทั้งอาคารที่ทำการของรัฐส่วนมากซึ่งก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมยุโรปนั้นเกิดขึ้นในสมัยนี้

ตึกแถวสองข้างถนนสีสะหว่างวง นับจากหอพิพิธภัณฑ์จนมาสิ้นสุดที่ย่านบ้านเจ๊ก ปัจจุบันปรับปรุงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านกินดื่ม และร้านอาหารนานาชาติ รวมทั้งแหล่งที่พักราคาย่อมเยาสำหรับนักเดินทางประเภทแบกเป้ด้วย ซึ่งส่วนมากด้านหลังตึกแถวอาคารพาณิชย์ของบ้านเจ๊ก บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนถูกขนานนามอย่างล้อเลียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทยว่า “ถนนข้าวสารแห่งหลวงพระบาง” หรือ “ถนนข้าวเหนียว”

tour-baan-jek-laos

ประกอบด้วยอาคารรูปทรงแปลกตาที่เรียงรายอยู่สองฟากถนนยาวประมาณ 300 เมตร ระหว่างพระราชวังเก่าไปถึงสี่แยกบ้านป่าไผ่แต่เดิมเป็นที่อยู่ของชาวจีนซึ่งถือเป็นย่านศูนย์กลางการค้าคล้ายกับถนนเยาวราชของไทยจึงเป็นที่มาของชื่อปัจจุบันคนจีนได้ย้ายออกไปและกลายเป็นที่อยู่ของคนลาวแทนบริเวณบ้านเจ๊กนี้นอกจากตอนเช้าจะเป็นสถานที่ดักรอตักบาตรที่ดีที่สุดแล้วยามเย็นที่แสงแดดตกกระทบผนังปูนและหลังคากระเบื้องดินเผาทำให้อาคารโบราณแถบนี้มีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวในแถบนี้คล้ายกับตรอกข้าวสารของไทย เรียกกันว่าตรอกข้าวเหนียว มีร้านขายของที่ระลึกมากมายรวมทั้งร้านเครื่องดื่มบริการหลายร้านในยามค่ำคืน

สินค้าเด่น
ข้าวเหนียว รายทางสองฟากถนนเป็นตึกเก่าๆ สมัยฝรั่งเศส ตกแต่งเป็นร้ารวงต่างๆ สวยงาม บางร้านติดแอร์ สินค้าเด่น เช่น ผ้าไหม ผ้าทอ ตุ๊กตาปู่เยอย่าเยอ เสื้อยืดที่สกรีนเป็นรูปต่างๆ ของโบราณที่ทำเลียนแบบ ยามค่ำถนนสายน้ำมีสีสันและมีร้านเครื่องดื่มให้บริการหลายร้าน

อย่างไรก็ตามย่านบ้านเจ๊กนอกจากจะเป็นแหล่งซื้อของใช้ ของฝาก และของกินแล้ว ยังมีเฮือนมรดกเชียงม่วน ที่ทางยูเนสโกกล่าวว่าเป็นอาคารไม้ซึ่งเก่าที่สุดในหลวงพระบาง ปัจจุบันได้ทำการซ่อมแซมจนมีสภาพสมบูรณ์แล้ว เรือนหลังนี้นับเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นมรดกโลกที่องค์การยูเนสโกได้อนุรักษ์ไว้เป็นแบบอย่างของบ้านลาวยุคโบราณ

สิ่งน่าสนใจ
เฮือนมรดกเชียงม่วน
อาคารอนุรักษ์ขององค์การยูเนสโก กล่าวกันว่าดั้งเดิมเป็นเรือนของพระยาหมื่นนา ขุนนางในราชสำนักล้านช้าง ในสมัยหนึ่งขุนนางและคหบดีเมืองหลวงพระบางนิยมปลูกเรือนตึกแบบฝรั่ง ทำให้อาคารไม้แบบเดิมถูกรื้อไปมาก ที่เหลือสภาพสมบูรณ์อยู่ก็เฉพาะเรือนหลังนี้เท่านั้น

ทุ่งไหหิน ลาว

tour-tung-hai-hin-laos

ทุ่งไหหิน (Plain of Jars)
สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซียงขวาง รู้จักไปทั่วโลก ในนามว่า เพลนออฟจาร์ส เป็นทิวที่ราบสูง ภูเขา และถํ้าที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและไม้พุ่มเตี้ย มีภาชนะหินรูปทรงคล้ายไหขนาดต่างๆ ตั้งกระจายอยู่ทั่วไป ใบเล็กประมาณเอว ใบใหญ่ขนาดคน 2 - 3 คน ลงไปนั่งรวมกันได้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองเชียงขวาง ชาวบ้านไปพบเข้าระหว่างไปหาของป่าและล่าสัตว์ ซึ่งภาชนะมีรูปทรงคล้ายไหทำด้วยหินทรายนี้มีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ น้ำหนักมากที่สุดถึง 15 ตันและใบที่เล็กที่สุดหนักประมาณ 40 – 50 กิโลกรัมกระจัดกระจายอยู่ในระแวกของเมืองโพนสะหวัน และยังมีที่อื่นๆอีกในเมืองเชียงขวางอีกหลายแห่งด้วยกัน ไหหินส่วนใหญ่สกัดมาจากหินทรายที่หาง่ายในท้องถิ่น แต่มีอยู่หลายใบที่มีร่องรอยการชักลากมาจากที่อื่น บางไหมีลักษณะสกัดยังไม่เสร็จก็มี นอกจากนี้ยังค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ในไหบางลูกซึ่งเป็นเครื่องยืนยันการใช้หินในพิธีศพได้อย่างดีส่วนแผ่นหินกลมๆคล้ายฝาปิดซึ่งพบอยู่ใกล้ๆ กับไหหินนั้นน่าจะเป็นแผ่นหินที่ใช้ปิดไหหินในขณะประกอบพิธีเสร็จสิ้นรอบๆไหหินพบลูกปัดจากจีน เครื่องประดับของชนเผ่าไท และรูปสำริดของเวียดนาม

ตามข้อสันนิษฐานของนักวิชาการว่า ไหเหล่านี้สร้างขั้นประมาณ 3 - 4 พันปีมาแล้ว เพื่อมาใช้ในพิธีศพ เพราะขุดพบเศษกระดูกที่เผาแล้วและเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในพิธีศพบรรจุอยู่ในไห พบเถ้าถ่านกระดูกมนุษย์ ขวานหินขัด ลูกปัด จึงพอจะคาดเดาได้ว่าชนเผ่าที่สร้างไหหินขึ้นมานี้จะต้องมีความเจริญและอารยธรรมสูง แก้ว แต่ตามตำนานชาวบ้านว่าเป็นไหเหล้าของขุนเจือง เมื่อตีเมืองเซียงขวางจากพวกแกว (ญวน) ได้สำเร็จ ก็จัดงานฉลองอยู่ที่ทุ่งนี้นานถึง 7 เดือน นักโบราณคดีรุ่นหลังๆลงความเห็นว่า เจ้าของอารยธรรมชิ้นนี้ อาจจะเป็นฝีมือของพวกจามในเวียดนามที่ล่มสลายไปแล้ว หรือเป็นฝีมือของชาวลาวเทิง ที่อาศัยอยู่ในแขวงอัตตะปือ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศลาว ติดกับชายแดนประเทศกัมพูชา สำหรับทุ่งไหหินนี้ถนนเข้าถึงสะดวก ในเมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาซึ่งทางรัฐบาลได้กู้ระเบิดออกหมดแล้ว มีอยู่สามกลุ่มด้วยกันคือ

tour-tung-hai-hin-laos

กลุ่มที่ 1
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองโพนสะหวัน ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไปทางเมืองคูนเมืองหลวงเก่า ระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร จุดนี้เป็นจุดที่สามารถชมทุ่งได้สะดวกที่สุดเพราะมีทางเดินจากจุดจอดรถ ที่บริเวณทุ่งมีไหหินกระจัดกระจายอยู่ในทุ่งหญ้าประมาณ 200 ใบและมีขนาดใหญ่กว่าในกลุ่มอื่นๆ ใบใหญ่ที่สุดตั้งอยู่เนินเขาทางด้านขวามือ ปากไหหันหน้าไปทางสนามบินทุ่งไหหินบริเวณที่ตั้งไหหินนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งเพราะสามารถมองเห็นสนามบินทุ่งไหหิน กองบัญชาการกองทัพอากาศลาว ตัวเมืองโพนสะหวัน ส่วนทางด้านขวามือจะมีบันไดปูนเดินลงไปยังทุ่งไหหินอีกจุดหนึ่ง ซึ่งมีมากกว่าในจุดชมวิวแห่งนี้ ถ้ามองจากจุดชมวิวไปทางซ้ายมือจะแลเห็นจำนวนนับสิบๆใบวางเรียงรายอยู่เต็มทุ่งหญ้า ถัดมาทางด้านซ้ายมือของทุ่งไหหินจะพบถ้ำแห่งหนึ่งมีแสงแดดสาดส่องลงมา ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นปล่องมีความสูงประมาณ 60 เมตร ลักษณะภายในถ้ำไม่ลึกมากนัก สามารถบรรจุคนได้ 50 –60 คน ถ้ำแห่งนี้เคยใช้เป็นที่หลบภัยสงครามของชาวเมืองเชียงขวางยามเมื่อเครื่องบินมาทิ้งระเบิด พร้อมกับใช้เป็นคลังเก็บอาวุธและเชื้อเพลิงเมื่อสงครามอินโดจีนที่ผ่านมา บริเวณโดยรอบทุ่งไหหินบนจุดชมวิวจะพบร่องรอยการขุดสนามเพลาะเป็นแนวยาวเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ และหลุดระเบิดขนาดใหญ่หลายหลุม ตลอดจนร่องรอยที่ไหหินแตกกระจายอันเป็นผลมาจากฝูงเครื่องบิน บี 52 ของอเมริกา

tour-tung-hai-hin-laos

หมายเหตุ ทุ่งไหหินเป็นสมรภูมิรบสำคัญในสงครามปลดปล่อยดินแดน จึงเต็มไปด้วยหลุมเพลาะและกับระเบิด บางจุดยังไม่ได้รับการสำรวจ ไม่ควรเดินเที่ยวออกนอกบริเวณที่ทางการกำหนดไว้

กลุ่มที่ 2
คือกลุ่มไหหินภูสลาโต อยู่ถัดมาจากเมืองโพนสะหวันลงมาทางทิศใต้ ประมาณ 25 กิโลเมตร บริเวณทุ่งมีไหหินกระจายตัวอยู่ประมาณ 100 ใบ ครอบคลุมพื้นที่เนินเขาสองลูกจะมองเห็นไหหินกระจัดกระจายอยู่ในทุ่งหญ้าประมาณ 94 ใบ


กลุ่มที่ 3
กลุ่มไหหินลาดค่าย อยู่ถัดลงมาจากกลุ่มไหหินภูสลาโต ราว 10 กิโลเมตร ประกอบด้วยไหหินประมาณ 150 ใบกระจายอยู่บนเนินเขาลูกเล็ก มองลงมาแลเห็นวิวที่ราบของท้องทุ่งท้องนาของหมู่บ้านเชียงดี ซึ่งอยู่บนเนินเขาลูกต่อไปได้อย่างชัดเจน

สถานที่ตั้ง ห่างจากเมืองโพนสะหวันเมืองหลวงใหม่ของแขวงเชียงขวางประมาณ 5 กิโลเมตร
ค่าเข้าชม คนละ 10,000 กีบ
เปิดเวลาเข้าชม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 17.30 น.

tour-tung-hai-hin-laos tour-tung-hai-hin-laos

ที่ราบสูงบอละิเวน ลาว

tour-lawayne-plateau-laos

ที่ราบสูงบอละเวน
แปลว่า ที่อยู่ของชาวละเวน เป็นชนกลุ่มน้อยที่มีมากสุดในบริเวณนี้ มีเชื้อสายจากมอญ-เขมร ที่ราบสูงบอละเวนมีความสูงโดยเฉลี่ย 1,200 เมตร อากาศอบอุ่นสบาย เหมาะแก่การเพาะปลูกกาแฟอาราบิก้า และโรบัสต้าที่ฝรังเศสนำเข้ามาปลูก และยังมีชนเผ่าอาลัก อยู่ในหมู่บ้านหลัก 52 เส้นทางไปน้ำตกเซกะตาม หรือกะตามตก ซึ่งมีฝีมือในการทอผ้าโดยนำเอาลูกปัดมาทอเป็นลวดลายคล้ายศิลปะแบบเขมร

tour-lawayne-plateau-laos tour-lawayne-plateau-laos tour-lawayne-plateau-laos

ท่าเรือนากะสัง ลาว

tour-na-ka-sang-harbor-laos

ท่าเรือนากระสัง
นากะสัง เป็นท่าเรือที่จะมีบริการขายตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะข้ามไปดอนโขง ดอนเดช ดอนคอน ถ้าไปแบบเดี่ยวๆ ก็ต้องรอผู้โดยสารที่จะไปทางเดียวกันก่อน หากมากันหลายคนก็ออกเรือได้เลย ค่าโดยสารที่ไปดอนเดช ไป - กลับ คนละ 15,000 กีบใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาว ประมาณ 20 นาที มาถึงดอนเดชใกล้ๆ กับท่าขนส่งทางเรือที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ตอนที่เข้ามาปกครองลาว

tour-na-ka-sang-harbor-laos

เมื่อขึ้นจากเรือเราต้องมาต่อรถ 5 แถว รถ 5 แถวคล้ายๆ กับรถบริการในสวนสนุกบ้านเรา แต่ดูสมบุกสมบันกว่า และมีที่นั่งอยู่ 5 แถวระยะทางที่เราต้องนั่งรถไปน้ำตกหลี่ผี ประมาณ 4 กม. รถจะวิ่งไปตามทางลูกรังที่ดูเหมือนคันนามากกว่า

เส้นทางจะผ่านทุ่งนาไปเรื่อยๆ และข้ามสะพานไปดอนดอน ผ่านหัวรถจักรเก่าสมัยฝรั่งเศสและวิ่งต่อไปอีกจนถึงลานจอด จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร ก็ถึงน้ำตกหลี่ผี ค่าโดยสารไปกลับเขาคิดคนละ 15,000 กีบ แต่ถ้าเหมาคันไปเขาคิดคันละ 150,000 กีบ ตรงลานจอดรถจะมีที่ขายตั๋วสำหรับเข้าชมน้ำตก โดยคิดจากนักท่องเที่ยวคนละ 9,000 กีบ หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพาน และตรงไปก่อนถึงริมแม่น้ำโขงจะได้ยินเสียงน้ำไหลดังกึกก้อง ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของน้ำตกหลี่ผีนั่นเอง

tour-na-ka-sang-harbor-laos tour-na-ka-sang-harbor-laos

ทะเลหมอก ลาว

tour-sea-smoke-laos

ทะเลหมอก
จากเมืองภูคูนไปถึงบ้านกิ่วกะจำ ถนนจะวิ่งอยู่ระดับความสูงราว ๑,๐๐๐ เมตร ตลอดปีในเวลาเช้าจะมีทะเลหมอกปรากฏให้เห็นในหุบเขาข้าง้ทาง และหากมีฝนตกกอาจมีหมอกปกคลุมทางตลอดวัน แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตาม นับเป็นบริเวณที่มีหมอกหนาที่สุดบนเส้นทางหมายเลข ๑๓ เหนือ การขับรถจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ตาดแส้ ลาว

tour-tad-sae-laos

ตาดแส้ (Tad Sae Waterfall)
ต้องนั่งรถย้อยไปทางเวียงจันทน์ตามเส้นทางหมายเลข ๑๓ เหนือ จากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ ๑๘ กิโลเมตร จะถึงบ้านแอนสะหวันริมแม่น้ำคาน มีเรือโดยสารของชาวบ้านคอยรับจ้างนักท่องเที่ยว ล่องไปตามแม่น้ำคานอีกประมาณ ๒๐ นาที จึงจะถึงน้ำตก

การเดินทางด้วยเรือไปตามแม่น้ำคานนี้ นับเป็นเสน่ห์สำคัญของการเที่ยวน้ำตกตาดแส้ ซึ่งให้บรรยากาศแตกต่างอย่างมากกับการล่องแม่น้ำโขง

นํ้าตกนี้อยู่บ้านนํ้าเอน บริเวณที่นํ้าคานไหลลงห้วยแส้ ขนาดนํ้าตกกว้างแต่เตี้ยกว่าตาดกวางสี

การเดินทาง การไปชมนํ้าตกแห่งนี้ต้องเหมารถไป เวลาที่เหมาะคือ เดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน

สิ่งน่าสนใจ
น้ำตกตาดแส้
ตาดแส้เป็นน้ำตกซึ่งมีลีลางดงามแตกต่างจากน้ำตกกวางซีด้วยเป็นแอ่งน้ำกว้างลดหลั่นลงมาหลายแอ่ง สามารถเล่นน้ำได้สะดวก

ตลาดเช้า และ ตลาดม้ง ลาว

tour-morning-market-and-mong-market-laos

ตลาดเช้า และตลาดม้ง
นักท่องเที่ยวเกือบทุกคนจะเริ่มต้นเที่ยวหลวงพระบางที่สี่แยกกลางเมือง สี่แยกนี้ใครมาหลวงพระบางก็ต้องรู้จัก ถือเป็นใจกลางเมืองสำหรับยุคท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะอยู่บนถนนสายหลักหรือถนนเส้นกลางเมือง ซึ่งมีความสับสนเรื่องชื่อมากที่สุด บ้างเรียกว่าถนนสีสะหว่างวง บ้างก็เรียกถนนเชียงทอง หรือถนนหน้าวัง บางช่วงกลายเป็นถนนเจ้าฟ้างุ้มก็มี แม้แต่แผนที่หลาย ๆ ฉบับของทางการลาวเอง แต่ละฉบับก็ยังเรียกชื่อต่างกัน เอาเป็นว่าเรียกถนนกลางเมืองก็เป็นอันเข้าใจกันแล้ว ถนนเส้นนี้จะผ่านย่านและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในเมืองหลวงพระบางเกือบทั้งหมด และตัดกับถนนลงสู่แม่น้ำโขง

สำหรับมุมเด่นที่สุดของสี่แยกกลางเมืองนี้น่าจะเป็นมุมที่ตั้งของโรงแรมพูสี โรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของหลวงพระบาง จากโรงแรมพูสี ข้ามถนนไปจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์ หรือห้องกานไปสะนี สถานที่ส่งจดหมาย โทรสาร และมีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ข้าง ๆ หากตรงไปทางทิศตะวันตกหรือทางไปแม่น้ำโขงจะผ่านตลาดเช้า ซึ่งพ่อค้าแม่ขายจะติตตลาดขายของสดกันแต่เช้ามืด

tour-morning-market-and-mong-market-laos

เมื่อเดินมาจนถึงถนนเลียบแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นท่าเรือข้ามฟากไปฝั่งเมืองเชียงแมน จะสังเกตเห็นต้นมะม่วงใหญ่ทางซ้ายมือ ใต้ร่มมะม่วงมีเพิงขายกาแฟเล็ก ๆ อยู่ คือ ร้านกาแฟปะซานิยม ขายกาแฟลาว ขนมคู่หรือท่องโก๋ รสชาติกาแฟที่ร้านนี้หอมกรุ่นนุ่มนวลตามแบบกาแฟลาวแท้ ๆ คอกาแฟที่อยากลิ้มลองกาแฟลาวจากเมืองปากซองต้องมาที่นี่ เพราะเจ้าของร้านเขาใช้กาแฟคั่วบดซึ่งสั่งตรงจากลาวภาคใต้เลยทีเดียว ส่วนตอนเย็นบริเวณนี้จะมีแม่ค้าตั้งแผงขายอาหารปรุงสำเร็จ ไก่ย่าง หมูย่าง ข้าวเหนียว

หััวมุมทแยงกันกับโรงแรมพูสี เป็นที่ทำการ “สะหะพันแม่หญิงแขวงลวงพระบาง” ส่วนอีกหัวมุมคือตลาดชาวเขา หรือบางคนเรียกตลาดม้ง มีสินค้าที่ระลึกของชาวม้งจำหน่ายมากมาย และทุกคืนตั้งแต่หัวมุมตลาดม้งไปจนสุดหอพิพิธภัณฑ์ จะปิดถนนเป็น “ถนนคนเดิน”มีสินค้าของที่ลึกขายกันมากมาย เรียกว่า “ตลาดมืด” หรือ Night Market

tour-morning-market-and-mong-market-laos

สิ่งน่าสนใจ
ตลาดเช้า
แม่ค้าจากฝั่งเชียงแมนนำผลิตผลทางการเกษตรมาวางขายตามถนนเลียบแม่น้ำโขงที่ตลาดเช้าเป็นประจำทุกวัน เชียงแมนซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำโขงกับหลวงพระบาง เป็นพื้นที่ผลิตพืชผักป้อนเมืองหลวงพระบางมาแต่อดีต

ตลาดม้ง
เป็นบริเวณที่มีชาวเขาเผ่าม้งหรือลาวสูงมาตั้งแผงขายสินค้าที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นงานหัตถกรรมประเภทผ้า ย่าม ผ้าปักลวดลายแปลก ๆ ราคาไม่สูง สามารถต่อรองได้อย่างสนุก

เดิมตลาดม้งมีเฉพาสินค้าหัตถกรรมของชาวลาวสูงหรือม้ง ปัจจุบันธุรกิจขยายตัวไปสู่ของที่ระลึกอื่น ๆ จากหลวงพระบาง ทั้งผ้าทอมือแบบลาว งานไม้ เครื่องเงิน และของเก่า

ดอนเด็ด ลาว

tour-don-det-laos tour-don-det-laos tour-don-det-laos

ดอนเด็ด(Don Det)
เป็นเกาะเล็กๆ ทางตอนเหนือของดอนคอน สมัยฝรั่งเศสยึดครองอินโดจีนจำเป็นต้องขนส่งสินค้าและสิ่งของต่างๆ ขึ้นไปทางตอนกลางประเทศ แต่ติดขัดเกาะแก่งขนาดใหญ่ทำให้เรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านไปได้ จึงได้สร้างท่าเรือและทางรถไฟบนดอนคอน พอเรือแล่นมาถึงบริเวณสี่พันดอนก็จอดเรือไว้ที่ดอนคอน ขนถ่ายสินค้าจากเรือไปทางรถไฟจากหัวดอนไปท้ายดอนแล้วขนสินค้าลงเรือใหม่ ทางรถไฟสายนี้ปัจจุบันยังคงมีซากหลงเหลืออยู่ให้เห็น รวมทั้งหัวรถจักรไอนํ้าที่ใช้ในสมัยนั้น

มีเรือหางยาวลำเล็กให้บริการขึ้นลงตามร่องน้ำแคบๆ ระหว่างสองเกาะนี้ แม้ว่าบนดอนเด็ดจะไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเหมือนดอนคอน แต่บรรยากาศที่เงียบสงบ วิถีชาวบ้านริมฝั่งน้ำอันเรียบง่าย ตลอดจนความร่มรื่นของทิวมะพร้าว ก็ช่วยทำให้ดอนเล็กๆ แห่งนี้เป็นเมืองตากอากาศน้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน

ค้นหาที่ท่องเที่ยว


Thailand Tourism Standard

ทัวร์แนะนำ

ผู้เข้าชม

มี 897 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์