รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

ดอยเวียงผา เชียงใหม่

tour doi weang pa chiang mai

ดอยเวียงผา
ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของอำเภอชัยปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 455.9 ตารางกิโลเมตร ตั้งขึ้นเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผาเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เทือกเขาวางตัวในเแนวทิศเหนือ – ใต้ เป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย มียอดดอยสูงสุดคือ ดอยเวียงผา มีความสูง 1,834 เมตร สภาพป่าบนดอยเป็นป่าสนสองใบ บริเวณไหล่เขาเป็นป่าดิบเขามีกุหลาบพันปีขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากและจะออกดอกสี แดงบานสะพรั่งในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม พื้นที่ป่าด้านล่างยังมีควาสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธารและแหล่งกำเนิดของลำห้วยใหญ่ๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำฝาง และสาขาหนึ่งของน้ำแม่ลาว เช่น ห้วยแม่ฝางหลวง ห้วยแม่ฝางน้อย น้ำแม่ยางมิ้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยจะต้องติดต่อเจ้าหน้าอุทยานนำทางขึ้นไป

การเดินทาง จากเชียงใหม่ใช้เส้นทางสาย 107 ไปจนถึงตัวอำเภอไชยปราการ สังเกตทางขวามีป้ายบอกไปอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา 12 กม. ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่ที่ทำการอุทยาน ติดต่อนัดแนะรถขึ้นดอย และติดต่อลูกหาบเพื่อแบกสัมภาระ จากที่ทำการอุทยานไปยังจุดเริ่มเดินเท้ามีระยะทางไกลมาก ค่ารถค่อนข้างสูง ประมาณ 2,500 บาท ค่าลูกหาบวันละ 300 บาท ข้างบนมีแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์นัก ความสวยงามโดยรวมใช้ได้

ดอยม่อนจอง เชียงใหม่

tour doi mon chong chiang mai

ดอยม่อนจอง
เป็นดอยที่สูงที่สุดของป่าอมก๋อยด้วยความสูง 1928 เมตร มีสันดอยยาวกว่า 4 กิโลเมตร ทัศนียภาพมองจากสันดอยสวยงามมาก นอกจากนี้บริเวณสันดอยยังมีกุหลาบฟันปีขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากและจะออกดอกบาน สะพรั่งในฤดูหนาวราวเดือนธันวาคม-มกราคม

การขึ้นดอยม่อนจองควรใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ฯ

การเดินทาง ไปยังเขตรักษาพันธุ์ฯอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 แล้วแยกซ้ายจากอำเภอฮอดเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปจนถึงตัวอำเภออมก๋อย และตรงต่อไปตามทางหลวง 1099 ประมาณ 40 กิโลเมตร จะพบหน่วยมูเซออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากหน่วยฯไปยังจุดเริ่มเดินอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ทางในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อและคนขับที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพทางเป็นลูกรัง และแคบคดเคี้ยวริมผา

ผู้ที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง จากอำเภอเมืองเชียงใหม่มีคิวรถจากประตูช้างเผือก มายังอมก๋อย รถออกประมาณ 08.00 น. สามารถติดต่อเช่ารถขับเคลื่อนสี่ล้อได้ที่หน่วยมูเซอ ค่าบริการคันละ 2,200-2,500 บาท ,ค่าบริการลูกหาบ 150 บาท/วัน/คน

ดอยผ้าห่มปก เชียงใหม่

tour doi hom pok chiang mai

ดอยผ้าห่มปก
อยู่ในเทือกแดนลาวที่ทอดตัวยาวมาตั้งแต่ตอนใต้ของประเทศยูนนานลงมาแบ่งชาย แดนไทย-พม่าตั้งแต่เชียงรายจนถึงแม่ฮ่องสอนจึงไปจรดกับเทือกเขาถนนธงชัย ดอยแห่งนี้มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ (2,297 เมตร) ดูจะสูงตระหง่านเสียดฟ้ามีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ตลอดเวลาจึงมีผู้เปรียบเปรยว่า “ฟ้าห่มปก” การที่ขึ้นไปสัมผัสหมอกหนาวและไอเย็นที่นี่ นอกจากจะได้ชมทัศนียภาพภาพอันสวยงามแล้ว ยังจะได้พบนกนานาชนิดที่อาศัยที่นี่เป็นทั้งที่พักพิงชั่งคราวและประจำ มีชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้วคือมูเซอ การจะเดินทางขึ้นสู่จุดยอดดอยผ้าห่มปกนั้นต้องเตรียมตัวอย่างดีเพราะต้อง เดินป่าปีนเขาอย่างสมบุกสมบัน และก่อนเดินทางติดต่อขออนุญาตจากส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ กรมป่าไม้ โทร. 561-4292 ต่อ 736 และที่นี่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆนักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝางประมาณ 150 กิโลเมตร ฝาง-แม่อาย 9 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายที่ตลาดบ้านป่าซางอีก 14 กิโลเมตร ผ่านดอยปู่หมื่นไปจนถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง สภาพทางยังเป็นลูกรัง มีเส้นทางต่อไปหน่วยย่อยอีก 5 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าต่อไปยอดดอย 8 กิโลเมตร

tour doi hom pok chiang mai 2

ดอยผ้าห่มปก หรือ ดอยฟ้าห่มปก
เป็นชื่อดอยเดียวกัน เป็นยอดเขายอดหนึ่งบนเทือกเขาแดนลาว แต่เดิมอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ในเขตอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่เหนือเชียงใหม่ขึ้นไป 160 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดอยอ่างขางที่โด่งดังไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือของทางหลวงสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง ห่างจากถนนใหญ่ไปทางซ้ายมือประมาณ 25 กิโลเมตร ( ตามทางถนน )

tour doi hom pok chiang mai 3

ทิศตะวันออก ติดกับเชิงเขาและพื้นที่การเกษตรข้างทางหลวงสาย 107 และตลาดฝาง

ทิศตะวันตกติดกับชายแดนพม่า
ทิศเหนือติดกับชายแดนพม่า ห่างนิดเดียว
ทิศใต้อยู่ติดกับเทือกเขาของดอยอ่างขาง
ที่ตั้งอย่างเป็นทางการคือ ที่ ตำบลโป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ. เชียงใหม่

tour doi hom pok chiang mai 4

ดอยผ้าห่มปก .....
ทำไมถึงเรียกว่า ผ้าห่มปก เคยได้ยินมาว่าต้นไม้ของป่าบนเทือกเขาแห่งนี้มีต้นไม้ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วย มอสดูเหมือนมีผ้าห่มมาห่อต้นไม้ไว้ ชื่อนี้เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลัง คนท้องถิ่นแถวนั้นเขาจะเรียกกว่า ดอยผาหลวง คนต่างถิ่นไปตั้งชื่อจึงทำให้ชื่อเปลี่ยนไปเหมือนอย่างภูชี้ฟ้า ย่านนั้นมีแต่ดอย ดอยผ้าตั้งห่างไปนิดนึงก็เรียกว่าดอย แต่ดอยชี้ฟ้ากลับตั้งชื่อว่า ภูชี้ฟ้า กลับมาดอยผ้าห่มปกกันต่อดีกว่า บนดอยสวยครับ ความงามแบบเงียบๆ และโรแมนติกบนดอยผ้าห่มปกแห่งนี้น้อยคนนักที่จะได้รู้ บางคนได้ยินได้ฟังมาเพียงแต่ชื่อและสถิติความสูงว่าสูงเป็นอันดับที่สองของ ประเทศแต่ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับดอยสูงแห่งนี้ว่าอยู่ในป่าดงไหน หรืออยู่จุดไหนของประเทศรู้แต่เพียงว่าอยู่ในป่าลึกใกล้ประเทศพม่า ลึกลับซับซ้อนเพียงไรในการขึ้นไปสัมผัสบนดอยสูงแห่งนี้ สื่อต่างๆ ไม่ค่อยได้เสนอเรื่องราวของดอยนี้ จึงทำให้ดอยผ้าห่มปกดูเงียบๆ ไป ผมเองก็ได้ยินมาว่าดอยผ้าห่มปกเป็นป่าทึบมีนกเยอะเหมาะกับการไปดูนก เมื่อ 4 ปีที่แล้วผมได้ขึ้นไปยังดอยแห่งนี้ โอ้โฮ สวยครับ เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวแบบแคมปิ้งมากเลย วิวสวย ป่าสวย ดอยสูง หนาวจับใจเพราะสูงมาก

หลังจากการไปเยี่ยมเยือนครั้งนั้นผมก็ได้นำเอาภาพความสวยงามมานำเสนอ ปีต่อๆ มาผมก็พาสมาชิกขึ้นไปเที่ยว และแล้วปีล่าสุด เป็นทริปสุดฮอทของทัวร์ดอยไปเลยครับ พอย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนก็จัดขึ้นไปเกือบทุกอาทิตย์ ฮิตกว่าภูสอยดาวปีนี้ซะอีก ก่อนนั้นก็มีนักเดินทางไม่น้อยที่อยากจะมาที่นี่เพราะพยายามมาพิชิตยอดดอยสูงอันดับ 2 เพียงเพื่อเป็นสถิติว่าได้มาพิชิตยอดเขาที่สูง 3 อันดับของของประเทศ ดอยอินทนนท์ก็ไปมาแล้ว ดอยเชียงดาวก็ไปมาแล้ว ยังขาดแต่ดอยที่เป็นที่ 2 จึงต้องหาทางมาให้ครบ 3 อันดับ น้อยคนนักที่คิดจะมาเพราะว่าต้องการมาสัมผัสความงดงามของป่าแห่งนี้จะมีแต่เพียงนักดูนกที่ออกจะหลงไหลในป่าแห่งนี้ พอได้มาเข้าจริงๆ ติดใจไปเลย เพราะที่นี่สวยและโรแมนติก ไม่โหด วิวสวย ไม่รู้ว่าจะพูดเว่อร์ไปหรือเปล่า แต่ผมคิดยังนี้จริงๆ บริเวณจุดกางเต็นท์ก็มีวิวสวย ทะเลหมอกหน้าแค้มป์ก็สวย หลังแค้มป์มีพระอาทิตย์ตกสวย เดินขึ้นบนยอดดอยยิ่งสวย ป่าระหว่างเส้นทางก็สวย น้ำก็มีให้อาบ ลานกางเต็นท์ก็โล่งมองขึ้นไปเห็นดาวเต็มฟ้า เห็นทางช้างเผือกด้วย หลังรับประทานอาหารค่ำแล้วเอาแผ่นพลาสติกไปปูนอนดูดาวกลางแจ้ง โรแมนติกหมั๊ยล่ะนี่

แต่ก่อนนั้นคือเมื่อก่อนปี 44 นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์ที่ยอดดอยได้เพราะที่นั่นมีจุดกางเต็นท์อยู่ในป่า พอปี 45 ก็จัดให้กางเต็นท์ที่กิ่วลมแค้มป์ ไม่ใช่แค้มป์ที่ผมไปทำไว้หรอก คือว่าบริเวณนั้นเขาเรียกว่า กิ่วลม คือช่องเขาเว้าที่ลมผ่านนั่นล่ะครับ เมื่อทางอุทยานกำหนดจุดกางเต็นท์จุดใหม่ก็ทำให้ความลำบากในการพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกลดลง บางคนบอกว่าไม่มันส์ ไม่โหดไม่มา แต่ถ้าท่านเป็นนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ อยากเห็นความสวยงาม คือเที่ยวแบบว่าโรแมนติกประทับใจ ไม่เน้นโหดล่ะก็ ที่นี่ล่ะครับ ผมรับประกันเลย แต่ถ้าเน้นเดินโหดไม่เน้นเรื่องสวยก็โน่นเลย โมโกจู ถ้าชอบเดินไต่ระห่ำก็แนะนำไปทริปดอยลังกาหลวง หรือชอบแบบว่าสูงเฉียดฟ้าข้าจะไปก็ต้องเชียงดาวครับ โหด สูง ท้าทายไม่มีน้ำอาบ แต่ประทับใจในความมุ่งมั่นของตนเอง เอาเป็นว่าชอบแบบไหนเที่ยวแบบนั้นเลยครับ

ดอยผ้าห่มปก เป็นเพียงยอดดอยหนึ่งของเทือกเขาผีปันน้ำ ซึ่งมีความสูงที่สุดในทุกๆ ยอดของเทือกเขานี้ สูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศด้วยระดับความสูง 2,285 เมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายอย่างที่น่าสนใจแต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงดอยผ้าห่มปกที่เป็นจุดสนใจของนักเดินทาง ดอยผ้าห่มปกมีลักษณะทางธรณีวิทยาคล้ายกับดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาหินแกรนิต มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์มากจึงได้รับการปกป้องไว้เพื่อเป็นป่าต้นน้ำอันเป็นจุดกำเหนิดของแม่น้ำฝาง ต้นกำเหนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์บนยอดดอยสูงเพียง 200 เมตร ( ตอนนี้ยกเลิกจุดกางเต็นท์นี้แล้ว ) มีน้ำไหลรินมาจากชั้นดินมีปริมาณน้อยขนาดต้องใช้ขวดรองแต่ปริมาณน้ำมีทั้งปีให้นักเดินท่องได้ใช้ได้ดื่มกิน ด้วยความสูงที่แตกต่างบนเทือกดอยแห่งนี้จึงทำให้เกิดป่าลักษณะต่างๆ แตกต่างกันตามระดับความสูงและด้วยความสมบูรณ์ของผืนป่าจึงทำให้เป็นที่อยู่อาศัยของนกและสัตว์ป่าจำนวนมาก โดยเฉพาะนกจะมีปริมาณมากจนทำให้นักนิยมในการดูนกหลงใหลให้การแวะเวียนมากันไม่ขาดสาย

สภาพอากาศโดยทั่วไปบนยอดดอยมีอุณหภูมิหนาวเย็นเพราะเป็นยอดเขาที่อยู่บนระดับสูง บางครั้งหนาวเย็นจนกระทั่งมีน้ำค้างแข็งจับต้นหญ้าข้างเต็นท์เลยครับ

การเดินทาง เมื่อเดินทางไปจาก กรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อถึงเชียงใหม่ให้แยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เส้นทางไปแม่ริม ขับตรงสู่อำเภอฝาง ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ผ่าน อ. เชียงดาว ที่มีดอยหลวงเชียงดาวที่ยิ่งใหญ่ เมื่อจะเข้าเมืองฝางให้ใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง วงแหวนฝั่งตะวันตก เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายเลี่ยงเมือง จะผ่านสี่แยกถนนเล็กๆ แล้วก็ผ่านสะพานข้ามลำห้วยเล็กๆ จากนั้นจะเจอทางสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ขับตรงไปจนเจอทางสามแยกให้แยกไปทางขวา ขับไปจนสุดถนนนั่นคือที่ทำการอุทยานฯ จอดรถไว้ที่ทำการอุทยาน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาขึ้นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4FD เพื่อไปส่งยังจุดเริ่มเดินเท้า พูดเหมือนสะดวกเพราะนั่นเป็นการเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือรถตู้เช่าเหมาไป

การเดินทางโดยรถโดยสาร
จากกรุงเทพฯ มีรถปรับอากาศสายกรุงเทพฯ - ท่าตอน ของบริษัท บขส และ บ. นิววิริยะยานต์ วิ่งให้บริการ รถออกจากท่ารถหมอชิตใหม่ สี่โมงกว่า ห้าโมงกว่า หกโมงกว่า เวลาชัวร์ๆ โทรไปสอบถามที่สถานีขนส่ง
รถจะผ่านเมืองฝางตอนเช้าตรู่ จากฝางเช่ารถเข้าไปยังอุทยาน หลังจากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้า เสียค่าธรรมเนียม และขึ้นดอย
เที่ยวกลับมีรถสายเดิมวิ่งผ่านตอนสี่โมงกว่าๆ ห้าโมงกว่าๆ ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องโทรไปสอบถามออฟฟิคของรถทัวร์ที่ฝาง
หรือถ้าจะเดินทางจากฝางเข้าเชียงใหม่ ก็มีรถตู้ให้บริการ ฝาง-เชียงใหม่ ออกทุกๆ 30 นาที ติดต่อที่ท่ารถตู้ที่ฝาง ไปไม่ถูกเรียกมอไซด์ไปส่งได้เลย ใกล้ๆ รถตู้จะมาจอดที่สถานีช้างเผือก จากสถานีช้างเผือกจะไปไหนต่อก็เรียกใช้บริการรถสี่ล้อแดง ถ้าประหยัดก็นั่งไปเรื่อยๆ ถ้ารีบๆ ก็เหมาไปเลย ราคาไม่เท่าไร

การขึ้นดอยแต่ละครั้งจะต้องขออนุญาตและมีเจ้าหน้าที่นำทาง ถ้านำรถโฟร์วีลไปเองก็ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพราะว่าเส้นทางขึ้นยอดดอยมีคานเหล็กขวางกั้น เจ้าหน้าที่ๆ นำเราขึ้นดอยจะเป็นผู้ไขกุญแจจึงผ่านไปได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันคนท้องถิ่นนำรถขึ้นมาขนของป่า เช่น สนเกี๊ย หรือของป่าอื่นๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเอารถขึ้นมาได้ก็จะขนกันทีละเยอะๆ แต่ถ้าปิดซะ ถึงแม้จะมีมอเตอร์ไซด์ผ่านมาได้แต่ก็ขนของได้ไม่มากเท่าไร ตรวจค้นก็ง่าย สรุปว่าเข้าไปเสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ ไม่แพง ค่าเข้าคนละ 20 บาท รถคันละ 30 บาท ค่ากลางเต็นท์ 2 คืน 60 บาท เท่านี้เอง

เมื่อขึ้นดอยไปแล้วจะไปชมพระอาทิตย์ตกก็ควรให้เจ้าหน้าที่นำทาง ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่ว่างก็จะจัดคนนำทางท้องถิ่นนำทางให้ บางคณะเดินกันเองเพราะคิดว่าเส้นทางเด่นชัด แต่ปรากฎว่าหลงป่าครับ 2 ทุ่มแล้วยังไม่ลงกันมาอีก คราวนี้ก็ลำบากเจ้าหน้าที่ ต้องพากันออกไปตาม ก่อนออกไปก็ได้ยิงเสียงปืนดังสามนัดเขาบอกว่ายิงเพื่อให้หมีมันหลบๆ ไป ที่นี่ถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จริงแต่ว่าในแต่ละปีจะปิดซะเป็นส่วนใหญ่ จะเปิดในช่วงต้นหนาวทำให้สัตว์ป่ายังออกมาหากินกันตามปกติ หมีตัวใหญ่ๆ มีเยอะ หมาไนฝูงละเป็นร้อยตัว เรื่องความปลอดภัยไม่ควร งก นะครับ บริษัททัวร์ก็ไม่ควรประหยัดค่าเจ้าหน้าที่นำทาง พาเดินโดยที่ตนเองยังไม่รู้เส้นทางก็หลง ถ้าหลงต้องนอนในป่าล่ะก็ลำบากแน่สำหรับป่านี้ ถึงแม้ออกมาได้ก็ต้องผ่านดงต้นช้างร้องซึ่งที่นี่มีเป็นดงๆ ทั่วไปหมด ไม่คุ้มเลย ใช้เจ้าหน้าที่นำทางดีกว่า หลงก็ไม่หลง ถามข้อมูลก็รู้ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ย่อมมีความรู้ความชำนาญพื้นที่ดีกว่าเรา หรืออย่างน้อยก็ทำให้นักท่องเที่ยวสบายใจ

ดอยเชียงดาว เชียงใหม่

tour doi chiang dao chiang mai

ดอยเชียงดาว
สูงอันดับ 3 ของประเทศ แต่ต้องเดินขึ้นเท่านั้น อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรียกว่า ดอยหลวงเชียงดาว (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูง เพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบอากาศเย็น ลมแรง และสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่าภูเขาที่หาชมได้ยากมากมายรวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย (ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ๆ เพราะจะไปเหยีบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม)

การเข้าไปใช้พื้นที่ต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ ป่า กรมป่าไม้ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง รายละเอียด โทร. 0 2561 2947

การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวเริ่มที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถติดต่อคนนำทาง ลูกหาบ รวมทั้งรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินได้ โดยค่าเช่ารถประมาณ 900 บาท ค่าจ้างลูกหาบประมาณวันละ 300 บาทต่อลูกหาบหนึ่งคน บนดอยเชียงดาวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวไปด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน อาหาร และน้ำ ส่วนเส้นทางลงนิยมใช้ทางสายบ้านถ้ำซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำเชียงดาว เพราะมีทางสูงชันสามารถลงได้รวดเร็วกว่าแต่ไม่เหมาะกับการขึ้น

เส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป ดอยหลวงเชียงดาว ประมาณ 80 กิโลเมตร

tour doi chiang dao chiang mai 2

จุดน่าสนใจบนดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม หลายท่านเคยไปมาแล้วยังต้องกลับไปอีกทั้งๆ ที่การเดินทางสู่เขาสูงแห่งนี้ค่อนข้างลำบาก ทั้งนี้เพราะบนดอยหลวงเชียงดาวมีความสวยงามหลายอย่างคือ

จุดเด่นที่สุดที่นี่มีทัศนียภาพที่งดงามหากท่านได้ไปยืนอยู่บนยอดดอยท่านจะพบกับความสวยงามทุกมุมมอง ที่นี่มีความหนาวเย็นที่บางคนต้องการไปสัมผัสกับความหนาวเย็น รับรองว่าไปที่นี่ไม่ผิดหวัง นกก็เยอะ เชียงดาวจึงมีกลุ่มนักดูนกขึ้นไปเยี่ยมกันอยู่บ่อยๆ

มีดอกไม้เฉพาะถิ่นที่สวยงามและหากที่ไหนไม่ได้ ดอกกุหลาบขาวเชียงดาวก็สวย หรีดเชียงดาวก็เยอะ และยังมีอีกเยอะแยะสำหรับพรรณไม้ดอกบนดอยแห่งนี้ สวยแต่ไม่มากมายหวือหวาที่ออกดอกกันเป็นทุ่งๆ เหมือนทุ่งดอกกะเจียว ดาวที่นี่สวย ถึงแม้ว่าเราอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันแต่ก็แปลกว่าที่นี่ดาวสวย คงเป็นเพราะยอดดอยแห่งนี้สูงมากจึงทำให้มองเห็นดาวที่สดใส และไม่มีสิ่งอื่นๆ มาบดบังสายตา ความสวยงามต่างๆ ชมได้จากภาพทริปเชียงดาวที่ผ่านๆ มา

การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ มุ่งสู่เชียงใหม่ จากเชียงใหม่ให้แยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เส้นเชียงใหม่-ฝาง ผ่านแม่ริมขับต่อไปอีกประมาณ 76 กิโลเมตรจนถึงตัวเมืองเชียงดาว แยกซ้ายตามถนนลาดยางเข้าไปยังบ้านถ้ำใช้เส้นทางเดียวกับถนนที่ไปถ้ำเชียงดาว หากเดินทางโดยรถโดยสาร มีรถโดยสารผ่านสายกรุงเทพฯ-ฝาง กรุงเทพฯ-เชียงดาว นอกจากรถ บขส แล้วยังมีรถสองแถวท้องถิ่นสายเชียงใหม่-ฝาง ผ่านด้วย จากแยกเข้าบ้านถ้ำให้เช่ารถเข้าไประยะทาง 5 กม.

ที่บ้านถ้ำเป็นจุดเริ่มต้นของทริปขึ้นดอยหลวงเชียงดาว นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อคนนำทางและลูกหาบได้ที่นี่ แต่ในช่วงวันหยุดจะหาคนนำทางและลูกหาบยากเพราะติดงาน จากบ้านถ้ำต้องตัดสินใจว่าจะไปเส้นทางไหนดี

เส้นทางเดินขึ้นดอย
มี 3 เส้นทาง คือ
1. สายเด่นหญ้าขัด เป็นเส้นทางที่เดินสบายกว่าเส้นทางสายอื่นๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม. การที่จะไปเริ่มต้นเดินที่หน่วยเด่นหญ้าขัดต้องติดต่อเช่ารถท้องถิ่นให้ขึ้นไปส่งที่หน่วยฯ จากนั้นจึงเริ่มเดินเท้าเข้าสู่ป่า ผ่านป่าสนตัดลงสู่ทุ่งหญ้าในอ่างสลุง เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงตีนดอยหลวงเชียงดาว หากเดินไปแยกผิดทางก็จะลงไปยังหมู่บ้านนาเลา ท่านไม่ต้องกลัวหลงทางเพราะต่อจากนี้ไปทุกคณะที่จะขึ้นดอยหลวงเชียงดาวจะต้องมีคนนำทางนำขึ้นไปเพราะนี่เป็นกฏของทางเขตฯ เพื่อต้องการให้ชาวบ้านมีรายได้ เส้นทางสายเด่นหญ้าขัดเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เดินกันมากที่สุดเพราะไม่โหด

2. สายนาเลา เป็นเส้นทางความโหดปานกลาง ต้องใช้รถขึ้นไปส่งเหมือนกัน ใช้เวลาเดินประมาณ 6 ชม. เส้นทางนี้แต่ก่อนนั้นเคยมีนักท่องเที่ยวใช้กันบ้างแต่น้อย เมื่อหลายปีก่อนผมพานักท่องเที่ยวขึ้นไป ปรากฏว่าทางปิด ผมต้องให้คนนำทางช่วยตัดทางขึ้นไป ตอนนั้นเถาวัลย์มีขนาดเท่านิ้วมือ สาเหตุที่คนใช้เส้นทางนี้กันน้อยเพราะว่าถนนที่รถจะขึ้นมาส่งยังจุดเริ่มเดินเป็นทางลูกรังที่เละเป็นหล่ม ทำให้ยากต่อการเดินทาง วันนี้เส้นทางสายนาเลาเป็นเส้นทางสะดวกที่นักท่องเที่ยวใช้ขึ้นดอยหลวงเพราะทางลูกรังที่ว่าได้เปลี่ยนไปเป็นถนนคอนกรีตแล้ว และที่ทางเก่าสายนี้ก็กำลังจะปิดอีกแล้วเพราะทางเขตฯ ได้เปิดเส้นทางใหม่โดยเริ่มจากหมู่บ้านชาวเขาเพื่อที่จะกระจายรายได้ไปยังชุมชน

3. เส้นทางสายบ้านถ้ำ ปัจจุบันห้ามขึ้นแต่ก็ยังมีเดินขึ้นกันเรื่อยๆ เป็นเส้นทางที่ตัดตรงจากบ้านถ้ำขึ้นสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางสายนี้ขึ้นสวยลงไม่สวยเพราะตาลาย ใครจะขึ้นเส้นนี้ก็คิดให้ดีก่อน เวลาผมพานักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวจะใช้เส้นทางสายนาเลา เวลาผมขึ้นไปเที่ยวเองผมจะใช้เส้นทางสายบ้านถ้ำเพราะสะดวกดี เส้นทางก็สวย ดอกไม้ พรรณไม้ก็เยอะ ผมขึ้นเส้นทางนี้มา 5 ครั้ง แบกสัมภาระเองด้วย เหนื่อยแทบสลบ ตอนนี้ไม่ให้ขึ้นเส้นทางนี้แล้ว ใช้เวลาเดินเร็วสุด 4 ชม ปกติ 6 ชม เส้นทางนี้ปกติจะใช้เป็นเส้นทางเดินลงเพราะใกล้และตัดตรง ใช้เวลาเดินเร็วสุด 1 ชม. 50 นาที ปกติ 3-4 ชม. ผิดปกติ 8-10 ชม. เคยลงช้าสุด 11 ชม.

จุดพักแรม แต่ก่อนนั้นการพักแรมบนเทือกดอยเชียงดาวเป็นเรื่องที่คลาสสิกและโรแมนติกมาก คือว่าเมื่อเราเริ่มเดินไปอาจจะช้าบ้างเร็วบ้าง หากเดินช้าไม่ถึงจุดกางเต็นท์หลักๆ เราก็สามารถตั้งแคมป์พักแรมกันในป่า ระหว่างเส้นทางมักจะเห็นร่องรอยการพักแรมเป็นจุดๆ โดยเฉพาะจุดที่มีพื้นที่ราบ บางครั้งก็พักแรมที่ชายป่า ในหุบเขา ถ้าขี้เกียจกางเต็นท์ก็ไปหานอนที่กระท่อมเฝ้าไร่ฝิ่นของชาวเขา จุดกางเต็นท์จุดสุดท้ายคือที่อ่างสลุงเชิงดอยหลวงเชียงดาว

ตอนนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วเพราะดอยหลวงมีการจัดระเบียบกันใหม่เพื่อความเรียบร้อย ได้กำหนดจุดกางเต็นท์ไว้เป็นหลักๆ 2 จุดก่อนถึงและ 1 จุดที่เชิงดอย ที่ดอยกิ่วลมห้ามขึ้นไปกางเต็นท์แล้วเพราะว่าข้างบนขาดแคลนไม้ที่ใช้ทำฟืน คนขึ้นไปตั้งแคมป์ข้างบนก็มักจะไปตัดไม้มาใช้งาน คนที่ตัดมากก็คือพวกลูกหาบและคนนำทางนี่แหล่ะ เขาตัดมาก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ตอนนี้จึงห้ามขึ้นไปตั้งแคมป์ข้างบนกิ่วลมแล้ว นักท่องเที่ยวก็อย่างเพิ่งน้อยใจที่มาช้าอดขึ้นไปเที่ยว อันที่จริงพักในอ่างสลุงนั่นดีแล้วเพราะลมก็ไม่แรง ที่ราบก็เยอะ ไม่ต้องไปแย่งพื้นที่บนดอยกิ่วลมที่มีที่ราบแคบๆ ตอนที่อ่างสลุงใกล้ยอดสูงสุด พอตื่นเช้าขึ้นดอยสูงสุดได้สะดวกดี

tour doi chiang dao chiang mai 3

สิ่งอำนวยความสะดวก
บนดอยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีน้ำ ไม่มีร้านค้า ไม่มีบ้านพัก มีแต่ดอกไม้สวยๆ วิวสวยๆ น้ำและอาหารจะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป

ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ คนละ 20 บาท ค่าพักแรมคืนละ 30 บาทต่อคน

จะไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาว ทำไงดี
ก็ต้องตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวกันเองโดยมีคนนำทาง แบกของเอง ทำอาหารกันเอง หรือ มีคนนำทาง มีลูกหาบ หรือจะไปซื้อทัวร์ที่นั่นให้นำขึ้นไป หรือจะซื้อทัวร์ไปจากกรุงเทพฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่านแต่ละกลุ่ม

1. ไปเที่ยวกันเอง ตอนนี้ค่าใช้จ่ายสูงหน่อยเพราะต้องมีคนนำทาง ( บังคับให้ใช้ ) ถ้าหากไปเดี่ยวหรือไปกันเพียงสองสามคนก็ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงเพราะตัวหารน้อย ถ้าตัดสินใจไปเที่ยวแบบนี้ก็ต้องเตรียมทีมให้พร้อม เลือกวิธีการเดินทางไปยังบ้านถ้ำ จะไปโดยขับรถยนต์ส่วนตัวไป หรือจะไปโดยรถทัวร์ปรับอากาศ หรือจะไปโดยรถ บขส หรือจะไปโดยรถโบก เลือกเอา ไปถึงตลาดเชียงดาวหาเช่ารถให้ไปส่งที่บ้านถ้ำ ติดต่อหาคนนำทางและลูกหาบที่นั่น ช่วงฤดูหนาวมีคนไปเที่ยวดอยกันมากมักจะขาดแคลนลูกหาบ บางครั้งผมก็ต้องใช้ลูกหาบที่เป็นชาวต่างประเทศ ( ไทยใหญ่ )

2. ไปเที่ยวกับทัวร์ท้องถิ่น ที่บ้านถ้ำมีทัวร์ท้องถิ่นพาขึ้นดอยหลวงหลายคณะ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถูกบ้าง แพงบ้าง เลือกเอาตามความชอบใจเลยครับ ราคาขึ้นอยู่กับว่าคณะไหน ล่าสุดปีนี้ค่าทัวร์ปกติคนละ 2,200 บาทต่อคณะ 8 ท่าน บางทัวร์ก็ 2,500 บาท บางทัวร์ก็ 1,800 บาท

3. ซื้อทัวร์ไปจากกรุงเทพฯ ก็มีหลายทัวร์ให้เลือก ทั้งบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ ทัวร์ขนาดเล็ก ทัวร์ตามเวบ ทัวร์สมัครเล่น ทัวร์มือใหม่ ทัวร์หารเฉลี่ย ทัวร์ชวนกันเที่ยวตามเนต หลากหลายรูปแบบให้เลือก ชอบแบบไหนเลือกแบบนั้นเลยครับ

ไปดูอะไรที่ดอยหลวงเชียงดาว....
ดอยหลวงเชียงดาวมีเส้นทางเดินป่าที่ท้าทาย มีความสูงที่โดดเด่นด้วยลักษณะเทือกเขาที่สูงชันขึ้นมาจากพื้นราบ ความหนาวเย็นสุดๆ เพราะสูงถึง 2 กิโลเมตรกว่าๆ จุดชมวิวที่สวยงามเมื่ออยู่บนยอดดอย จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ทะเลหมอกที่กิ่วลมสวยงามไม่แพ้ใคร บรรยากาศการแคมปิ้งในหุบเขาที่ยิ่งใหญ่มีสันเขาล้อมรอบทุกด้าน พืชพรรณหลากหลาย ดอกไม้เฉพาะถิ่นที่สวยงามมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชียงใหม่

tour chiang mai night safari chiang mai

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
ดำเนินการภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่าง ยั่งยืน (องค์การมหาชน )ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ในพื้นที่ตำบลแม่เหียะ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 10 กิโลเมตร

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) เป็นสวนสนุกบนพื้นฐานธรรมชาติ (Nature Theme Park) ของรัฐบาลที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่นอกเหนือจากศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี และความสวยงามตามธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่สำคัญยิ่ง ของจังหวัดเชียงใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอินโดจีน และประเทศจีนตอนล่าง รวมถึงบางประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ พร้อมกับการยกระดับสนามบินจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นสนามบินนานาชาติ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ หลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวเหล่านี้จะได้ใช้เวลาว่างยามค่ำคืนในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้เป็นประโยชน์ในการสร้างความรื่นเริง หรรษา พักผ่อนหย่อนใจเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติวิทยา ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า นำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ทั้งด้านคุณภาพและความหลากหลาย

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ในเขตตำบลหนองควาย อำเภอหางดง และตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่ 819 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ที่บางส่วนยังสมบูรณ์ และมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอยู่ห่างจากกลางเมืองเชียงใหม่ประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ สถานีขนส่งหรือสถานีรถไฟประมาณ 15 – 20 นาที จึงนับได้ว่าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติอันสงบ สวยงาม ร่มรื่น ยากที่จะหาได้ในปัจจุบัน และเป็นป่าธรรมชาติที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดหรือในเมืองแห่งเดียวในประเทศไทย

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประชาชนโดยทั่วไปแล้ว เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวทุกเพศทุกวัยร่วมกันทำกิจกรรม จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นสื่อสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัว 3 รุ่นอายุ (ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และลูก) มาใช้ชีวิตร่วมกันจรรโลงสถาบันครอบครัว ที่นับวันจะเลือนรางหายไปจากสังคมไทย ให้กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้เริ่มเปิดให้เข้าชมครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 และเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2549 ขณะนี้มีผู้เข้าชมประมาณ 2.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะให้มีผู้เข้าชม 1.3 ล้านคนต่อปี และสามารถเลี้ยงตนเองได้หลังจากปีที่ 7 จึงนับว่าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีกำลังเดินทางไปตามแผนวิเคราะห์ทางการเงิน (Financial Analysis) อย่างมีความมั่นใจยิ่ง

ในการจัดสร้างเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีเป้าหมายเพื่อที่จะจัดสร้างสวนสนุกบนพื้นฐานของธรรมชาติที่เป็นเลิศระดับโลก ประกอบด้วยหลายแผนงาน ในขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนแรกแล้วเสร็จ คือ ในส่วนที่เกี่ยวกับสัตว์ป่า น้ำพุดนตรี (Musical Fountain) และม่านน้ำ (Water Screen) และจะสร้างสิ่งอื่น ๆ เพิ่มเติมในโอกาสต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เป็นเลิศในระดับโลกที่ครบถ้วนสมบูรณ์และยั่งยืน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ถูกจัดสร้างเป็นแห่งที่ 3 ของโลก ต่อจากสิงคโปร์ไนท์ซาฟารี และของจีนที่เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีขนาดเป็น 2 เท่าของสิงคโปร์ไนท์ซาฟารี และเป็นไนท์ซาฟารีที่มีธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างสวยงามที่สุดในโลก

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
1. เพื่อเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ให้เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงมากขึ้น และใช้เวลาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่นานขึ้น
2. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติวิทยา สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า นำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืนทั้งความหลากหลายและคุณภาพ
3. เพื่อเป็นการสร้างงานและยกระดับการครองชีพของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง

ชุมชนวัดเกต เชียงใหม่

tour communities wat kat chiang mai

ชุมชนวัดเกต
เป็นชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันออก เกิดจากชนหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ชาวฝรั่ง และชาวพื้นเมือง สามารถดูได้จากรูปแบบของสถาปัตยกรรม ที่ยังหลงเหลือมาจนถึงในปัจจุบันนี้ มีวัดเกตุการามอยู่ศูนย์กลางระหว่างชุมชน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เริ่มขึ้นอย่างจริงจังช่วงหลัง พ.ศ. 2339 หรือหลังการสถาปนาเมืองเชียงใหม่เป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง ก่อนหน้าที่รถไฟจะมาถึงเชียงใหม่ที่นี่เป็นชุมชนที่เป็นท่าน้ำสำคัญ ของการเดินทางเรือระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพฯ) มายังเมืองเชียงใหม่ และเมืองอื่นๆที่อยู่ทางใต้ลงไป ย่านวัดเกตุจึงเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆตามความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ของเมืองเชียงใหม่ในยุคนั้น

สถานที่ที่รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชุมชนนี้อยู่ที่ พิพิธภัณฑ์วัตเกต ตั้งอยู่ที่วัดเกตการาม สิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ คือ สมบัติเดิมของวัด เช่น ช่อฟ้า ใบระกาซึ่งเป็นไม้แกะสลักจากโบสถ์เดิม ถ้วยชามฝาจีบ ภาชนะต่างๆ เป็นต้น พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

โครงการหลวงอินทนนท์ เชียงใหม่

tour inthanon royal project chiang mai

โครงการหลวงอินทนนท์
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านขุนกลาง ตำบลห้วยหลวง อำเภอจอมทอง เดินทางตามเส้นทางสู่ดอยอินทนนท์ ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าสู่โครงการฯ อีกประมาณ 1 กิโลเมตร โครงการหลวงอินทนนท์ รับผิดชอบส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้แก่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและชาวเขาเผ่าแม้วในพื้นที่ ผลิตผลหลักของโครงการ คือ ไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ เช่น คาร์เนชั่น เบญจมาศ สแตติส ยิบโซ เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมแปลงปลูกดอกไม้ ห้องทดลองทำการเพาะขยายพันธุ์ และยังสามารถแวะชมแปลงปลูกดอกไม้ของชาวเขาในหมู่บ้านซึ่งอยู่บริเวณปากทางเข้าโครงการฯได้ด้วย

โครงการหลวงห้วยลึก เชียงใหม่

tour huai luek royal project development centre chiang mai

โครงการหลวงห้วยลึก
ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงดาวตามเส้นทางสายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 95 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 500 เมตร โครงการนี้ดำเนินการจัดพื้นที่ทำกินให้แก่ชาวเขาเผ่าแม้ว กะเหรี่ยง และคนเมืองในบริเวณพื้นที่ โดยทำการส่งเสริม วิจัย และเพาะพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ผลิตผล ได้แก่ ผักจำพวกผักสลัด แคนตาลูป ฯลฯ ไม้ดอก เช่น เบญจมาศ พีค็อก ฯลฯ ไม้ผล เช่น ทับทิม ฝรั่งคั้นน้ำ เป็นต้น ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เนื่องจากมีผลิตผลให้ชมและซื้อหาได้ รายละเอียด โทร. 0 5345 1116 ต่อศูนย์ห้วยลึก

กิ่วแม่ปาน เชียงใหม่

tour kew mae pan chiang mai

กิ่วแม่ปาน
ตั้งอยู่บนกม.ที่ 42ด้านซ้ายมือ เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติระยะทาง 2.5 กม. เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติโดยแท้จริง ก่อนเดินควรติดต่อขออนุญาต จากที่ทำการอุทยานฯ เพื่อป้องกันอันตรายและรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ตลอดไป

เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติโดยแท้จริง ระหว่างทางเดินจะพบป่าดิบเขา (Hill Evergreen) ก่อนผ่านเข้าสู่ทุ่งหญ้าซึ่งเคยเป็นพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อเป็นการศึกษาลักษณะการเกิดผลกระทบต่อเนื่องบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ ป่าสมบูรณ์กับพื้นที่ถูกทำลาย (edge effect) หลังจากนั้นทางเดินจะเลาะริมผามีไอหมอกปลิวผ่านตลอดเวลา สองข้างจะพบดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron (ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ขึ้นตามป่าในระดับสูง มีพันธุ์ดอกสีขาวและสีแดง เวลาออกดอกช่วงแรกมีลักษณะเหมือนปลีกล้วย ก่อนที่จะบานเต็มต้นในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พบมากในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเป็นไม้ประจำชาติของเนปาลด้วย) มองลงไปยังเบื้องล่างจะพบทัศนียภาพที่งดงามของอำเภอแม่แจ่ม

การใช้เส้นทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางจากหัวหน้าอุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหรเข้าไปรับประทานในเส้นทาง และจะปิดเส้นทางเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวไม่อนุญาติให้เข้าไปท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 ตุลาคม ของทุกปี

การแสดงช้าง เชียงใหม่

tour show chang chiang mai

การแสดงช้าง
เริ่มต้นด้วยการอาบน้ำให้ช้างในลำห้วยชะล้างสิ่งสกปรกออก และเพื่อให้ช้างสนุกสนานเพลิดเพลินในการที่ได้ลงไปแช่ในน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ควาญจะนำช้างไปใส่เครื่องลากจูงไว้บนหลัง เพื่อลากซุงซึ่งอยู่ในป่ามาแสดงให้ชมด้วยวิธีการต่างๆ โดยจัดแสดงทุกวันในช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.40 - 10.30 น.

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมขี่ช้างและล่องแพตามความต้องการของนักท่องเที่ยว สายเชียงใหม่-ฝาง (ทางหลวง 107) มีสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมการแสดงช้างและขี่ช้าง ดังนี้

- ท่าแพแม่ตะมาน จากเชียงใหม่มาตามทางหลวง 107ประมาณ 43 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 7 กิโลเมตร โทร. 0 5329 7060

- ปางช้างแม่แตง เข้าทางเดียวกับท่าแพแม่ตะมานจากปากทางเข้ามา 9 กิโลเมตร ตรงข้ามวัดแม่ตะมาน โทร. 0 5384 4818

- ศูนย์ฝึกช้างเชียงดาว ประมาณกิโลเมตรที่ 56 หากมาจากเชียงใหม่จะอยู่ทางขวามือ เป็นศูนย์ที่รับฝึกลูกช้างเพื่อใช้งานชักลากไม้จริง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วยโดยคิดค่าข้าชมผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชมได้วันละ 2 รอบ คือ 09.00 น. และ 10.00 น. ทุกวัน รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 5329 8553, 0 5386 2037

ค้นหาที่ท่องเที่ยว


Thailand Tourism Standard

ทัวร์แนะนำ

ผู้เข้าชม

มี 1459 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์