7 ประวัติ อื่นๆ นครสวรรค์
ประวัติ อื่นๆ จังหวัดนครสวรรค์
ตราประจำจังหวัด
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
| ต้นไม้ประจำจังหวัด | เสลา (Lagerstroemia loudonii) |
| คำขวัญประจำจังหวัด | เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ด ปากน้ำโพ |
| ดอกไม้ประจำจังหวัด | ดอกเสลา (Lagerstroemia loudonii) |
จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ 9,597.7 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ มีป่าไม้อยู่ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ และ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอลาดยาว อำเภอตาคลี อำเภอชุมแสง อำเภอบรรพตพิสัย อำเภอท่าตะโก อำเภอพยุหะคีรี อำเภอไพศาล อำเภอหนองบัว อำเภอตากฟ้า อำเภอโกรกพระ อำเภอเก้าเลี้ยว และกิ่งอำเภอแม่วงก์ กิ่งอำเภอแม่เปิน
สภาพพื้นที่ตามลักษณะภูมิศาสตร์โดยทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นที่ลาบลุ่มเหมาะแก่การเกษตร เป็นที่ราบประมาณ 3 ใน 4 ของพื้นที่จังหวัด มีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำปิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ไหลมารวมกันเป็น แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านช่วงกลางของจังหวัด และแบ่งพื้นที่ของจังหวัดออกเป็นด้านตะวันออกและตะวันตก สภาพภูมิประเทศทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด มีภูเขาสลับซับซ้อนและเป็นป่าทึบในเขตอำเภอลาดยาว อำเภอแม่วงก์ กิ่งอำเภอแม่เปิน และกิ่งอำเภอชุมตาบง พื้นที่ป่าของจังหวัดเป็นสภาพป่าที่เชื่อมโยงติดต่อ กับป่าห้วยขาแข้งของจังหวัดอุทัยธานีในส่วนทางใต้ของอำเภอแม่วงก์ ส่วนบนของอำเภอแม่วงก์และอำเภอลาดยาวเป็นส่วนติดต่อกับป่าทึบของจังหวัดตาก ที่เชื่อมโยงไปถึงป่าทุ่งใหญ่นเรศวรของจังหวัดกาญจนบุรี
สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นที่ราบค่อนข้างเรียบแคบบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโดยเฉพาะตอนกลางของจังหวัด ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ, อำเภอบรรพตพิสัย, อำเภอชุมแสง, อำเภอท่าตะโก, อำเภอโกรกพระและอำเภอพยุหะคีรี สภาพพื้นที่ทางทิศตะวันตก (เขตอำเภอลาดยาว, อำเภอแม่วงก์, กิ่งอำเภอแม่เปินและกิ่งอำเภอชุมตาบง) และทิศตะวันออก (เขตอำเภอหนองบัว, อำเภอไพศาลี, อำเภอตากฟ้าและอำเภอตาคลี) มีลักษณะเป็นแบบลอนลูกคลื่นยกตัวขึ้นจากตอนกลางของจังหวัด สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 50 - 150 เมตร
ประวัติจังหวัดนครสวรรค์
จังหวัดนครสวรรค์เป็นเมืองโบราณ สันนิษฐานว่า ตั้งขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยปรากฏชื่อในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกว่า “เมืองพระบาง” เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในการทำศึกสงครามมาทุกสมัย ตั้งแต่กรุงสุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ตัวเมืองเดิมตั้งอยู่ในที่ดอนบริเวณเชิงเขาขาด ( เขาฤาษี ) ลงมาจดวัดหัวเมือง ( วัดนครสวรรค์ ) มุมเมืองอยู่ตรงวัดนั้น ยังมีเชิงดินซึ่งเป็นแนวกำแพงเมืองเดิมอยู่
ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เล่ม ๑ ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ และสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวว่า
“ แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพระงัว )....ศักราช ๗๓๓ ปีกุน ตรีศก สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า เสด็จไปเอาเมืองฝ่ายเหนือ และได้เมืองเหนือทั้งปวง ศักราช ๗๓๔ จัตวาศก เสด็จไปนครพังคา และเมืองแซงเทรา....”
นครพังคาที่กล่าวในพงศาวดาร น่าจะหมายถึงเมืองนครสวรรค์นั่นเอง เมื่อได้เมืองพังคาแล้ว ได้โปรดให้พระราชบุตรบุญธรรมชื่อ “พระยายุธิษฐิระ” มาครอง มีศักดิ์เป็นเมืองประเทศราช นครพังคานี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ฤดูฝนน้ำท่วมไม่ถึง ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยานั่นเองต้องทิ้งให้เป็นเมืองร้าง เพราะแม่น้ำตรงหน้าเมืองเกิดหาดทราย ถึงฤดูแล้งก็กันดารน้ำจนชาวเมืองต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น โดยไปตั้งเมืองอยู่ที่หมู่ ๒ ตำบลนครสวรรค์ออก ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งตัวเมืองอยู่บริเวณวัดถือน้ำ ตัวเมืองตั้งอยู่เฉียงตะวัน หรือชอนตะวัน ทำให้แสงตะวันส่องเข้าหน้าเมือง จึงเรียกว่า “เมืองชอนตะวัน” หรือ “ทานตะวัน” บางทีก็เพี้ยนเป็น “ชอนสวัน” ( ชอนสะหวัน )
ต่อมาทางราชการเห็นว่า การตั้งตัวเมืองทางฝั่งตะวันออกไม่เหมาะสม จึงย้ายมาตั้งในที่ปัจจุบัน ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือที่หมู่ ๙ ตำบลนครสวรรค์ตก และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ ให้เป็นมงคลนามว่า “นครสวรรค์”
ตามตำนานพระแก้วมรกตกับพระบาง ว่าเดิมนครสวรรค์มีชื่อว่า “พระบาง” มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกกองทัพไปตีเวียงจันทน์ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปสององค์ คือพระแก้วมรกตและพระบาง มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ต่อมาเมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นันทเสนบุตร เจ้าเมืองเวียงจันทน์ ได้กราบทูลว่า” ตามความนับถือของชาวลานช้าง (ลาว) ว่าพระทั้งสององค์นี้มีผีหรือเทวดารักษาอยู่ หากผีหรือเทวดาของพระพุทธรูปทั้งสององค์ไม่ถูกกันแล้ว ถ้านำมาไว้รวมกัน ณ เมืองใดเมืองหนึ่งจะทำให้เกิดอาเพศ ข้าวยากหมากแพง ฉะนั้นจึงควรอัญเชิญพระบางกลับไปเวียงจันทน์เสียองค์หนึ่ง พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงได้อัญเชิญพระบางกลับยังเวียงจันทน์
ครั้นเดินทางมาถึงนครสวรรค์ ได้ข่าวศึกพม่า จึงได้นำพระบางมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองนครสวรรค์ชั่วคราว ในการทำศึกกับพม่าครั้งนั้น พระองค์ได้ดัดแปลงค่ายคูประตูหอรบ จากตะวันตก ตั้งแต่ตลาดสะพานดำไปบ้านสันคูถึงทุ่งสันคู เดี๋ยวนี้ยังปรากฏแนวคูอยู่ที่บ้านสันคู เมื่อพม่าข้าศึกยกทัพลงมาจากทุ่ง สลกบาตร หนองสังข์ หนองเบน ลงมาเหนือทุ่งสันคูซึ่งเป็นที่ดอนขาดน้ำครั้นพอฝนตกลงมา นำหลากเข้าอย่างแรง ทำให้น้ำท่วมข้าศึกกองทัพไทยยกเข้าตีตลบหลัง กองทัพพม่าหนีผ่านทางช่องภูเขา เนื่องจากพม่ายกทัพมาครั้งนั้นเป็นจำนวนมาก จึงเหยียบก้อนหินที่ภูเขานั้นพังทลายลง กลายเป็นช่องเขาขาด เรียกว่า “โกรกพม่า” หรือ “เขาขาด” มาจนทุกวันนี้
ส่วนที่เรียกว่าปากน้ำโพนั้น มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 ประการดังนี้
1.ที่สุดของแม่น้ำปิงตรงที่พบกับแม่น้ำแควใหญ่ มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่ริมตลิ่งใกล้วัดโพธาราม ประชาชนจึงเรียกกันว่า “ปากแม่น้ำโพธิ์ “ ต่อมาค่อยๆกร่อนกลายเป็น “ ปากน้ำโพ”
2.แต่ก่อนนี้ไม่มีถนนและทางรถไฟ การไปมาจากจังหวัดภาคเหนือ ลงไปกรุงเทพฯใช้เรือขุดขนาดยาว เรียกว่า “เรือหางแมงป่อง”ขึ้นล่องผ่านไปมาตลอดเวลา พอล่องเรือโผล่ที่บรรจบสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่เวิ้งว้างกว้างขวาง คือที่เกิดแม่น้ำเจ้าพระยา พวกชาวเรือซึ่งเป็นชาวเหนือ พูดภาษากลางไม่ค่อยชัด ได้เรียกที่ตรงนี้ว่าถึง “ปากน้ำโผ่” แล้ว คนทั่วไปเลยเรียกกันว่า “ปากน้ำโผ่” หรือ “ปากน้ำโผล่” และค่อยกลายเป็น “ปากน้ำโพ” ในที่สุด
จำนวนประชากร
1. ขนาดของประชากร (Population Size)
จังหวัดนครสวรรค์มีจำนวนประชากร (ธันวาคม 2541) รวมทั้งสิ้น 1,151,101 คน
2. การกระจายตัวของประชากร (Population Distribution)
การกระจายตัวของประชากรในจังหวัดนครสวรรค์ มีลักษณะการตั้งถิ่นฐานหนาแน่นในเขตเมือง คือ เทศบาลนครนครสวรรค์ เทศบาลเมืองชุมแสง เทศบาลตำบลตาคลี อำเภอที่มีประชากรมากที่สุด คือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ มีจำนวนประชากร 155,769 คน รองลงมาคือ อำเภอตาคลี มีจำนวนประชากร 99,696 คน อันดับสามคือ อำเภอบรรพตพิสัย มีจำนวนประชากร 96,429 คน อันดับสี่ คือ อำเภอลาดยาว มีจำนวนประชากร 95,139 คน บริเวณที่ประชากรน้อยที่สุด คือ กิ่งอำเภอชุมตาบง มีจำนวนประชากร 17,830 คน
3. ความหนาแน่นของประชากร (Population Density)
จังหวัดนครสวรรค์มีความหนาแน่นของประชากรเท่ากับ 120 คน ต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร17 อำเภอที่ประชากรหนาแน่นมากที่สุด คือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ 196 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร รองลงมาคือ อำเภอเก้าเลี้ยว 140 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร อันดับสามคือ อำเภอลาดยาว 128 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร และบริเวณที่ประชากรเบาบางที่สุด คือ อำเภอแม่วงก์ 48 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
อาณาเขต
| ทิศเหนือ | ติดต่อกับจังหวัดกำแพงเพชรและพิจิตร |
| ทิศตะวันออก | ติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี |
| ทิศใต้ | ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี |
| ทิศตะวันตก | ติดต่อกับจังหวัดตาก |



คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณศิริพร (โพลีพลาสติกส์ มาร์เก็ตติ้ง) กิจกรรมมาเลเซีย 3 วัน 40ท่าน Part 2
23899 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณบาส (บจก.สหคุณอินเตอร์เทรด) กิจกรรมไหว้พระ 9 วัด ปทุมธานี 70 ท่าน
24562 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - เอ้าท์ติ้ง ระยอง 2 วัน (ซาโต-โชจิ) 60 ท่าน Part 1
14340 Views