ทัวร์ธิเบต
ตลาดดาวเรือง ปากเซ จำปาสัก ลาว
ตลาดดาวเรืองปากเซ
คนไทยที่มาเที่ยวปากเซ หลังจากชมน้ำตกที่อลังการของลาวแล้ว จุดท่องเที่ยวแหล่งสุดท้ายก่อนจาก ก็คงหนีไม่พ้นที่จะมาจับจ่ายซื้อของในตลาดใหญ่ของเมืองปากเซ ตลาดที่นี่มีชื่ออันไพเราะว่า "ตลาดดาวเรือง" ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามโขงหรือสะพานมิตรภาพ ลาว - ญี่ปุ่น มากนัก นั่งอยู่บนรถ Bus สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงและสะพานได้ชัดเจน คร่าวๆที่เห็นด้วยสายตาพอจะอธิบายได้ว่า
ตลาดแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นอาคารหลังใหญ่ชั้นเดียวจะขายพวกของใช้ เช่นเสื้อผ้าที่มาจากประเทศจีนและไทย พวกของใช้ในบ้านในครัวเรือน เหมือนกับว่าเอาตลาดโบ้เบ้ และเวิ้งนาครเขษม มาไว้ที่นี่ ส่วนภายนอกที่เป็นลานกว้างรอบอาคาร จะเป็นตลาดขายพืชผักต่างๆ มีทั้งขายส่ง และขายปลีก คล้ายตลาดไทบ้านเรา ส่วนริมถนนรอบตลาดก็จะเป็นลานจอดรถนานาชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นรถสามล้อเครื่อง สามล้อเล็ก รถสามล้อที่นี่ใช้คุ้มประโยชน์มาก ทั้งบรรทุกคน และขนสัมภาระเต็มท้ายรถ รวมทั้งบนหลังคา..
ตลาดดาวเรืองมีความใหญ่โตมาก เป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของลาวใต้เลยทีเดียว ชาวบ้านทุกเมืองทุกตำบลจะต้องมาซื้อของกันที่นี่ ซึ่งอาจมีราคาถูกและมีมากกว่าที่วางขายในท้องถิ่นของตนเอง สินค้าจากไทยที่ผ่านมาทางช่องเม็ก ก็จะมารวมกันอยู่ที่นี่เหมือนเป็นคลังสินค้าใหญ่จากนั้นก็จะมีพ่อค้าท้องถิ่นรับไปจำหน่ายยังหมู่บ้านตำบลของตนเอง ตลาดดาวเรืองจึงมีความคึกคักกันตลอดทั้งวัน
ที่นี่เป็นตลาดละลายทรัพย์ของนักท่องเที่ยวคนไทย ที่เด่นๆและนิยมซื้อกัน ก็เป็นพวกเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง ผ้าลาว ส่วนของกิน ก็แนะนำทับทิมที่มาจากจีน บอกหวานและอร่อยมาก พอรถจอดให้ช้อป ดูเหมือนว่าหลายคนทำตามที่ไกด์ลาวบอก คือมุ่งดิ่งไปร้านเครื่องเงิน เครื่องทอง ที่อยู่ด้านหน้าอาคารทันที ส่วนทับทิม ก็เห็นมีแต่นักท่องเที่ยวจากไทย มะรุม มะตุ้มจนไม่เห็นคนขาย สินค้าจากจีนนี้คนขายไม่ใช่คนลาวนะครับ โน่น..มาจากจีนกันโดยตรงกันเลยทีเดียว ประเภทมาเองขายเอง พูดไทยชัดบ้างไม่ชัดบ้าง แต่ก็ซื้อขายกันได้ ต่อรองได้ และหลอกคนไทยได้ รถท่องเที่ยวจากไทย มาจอดที่ตลาดนี้วันละไม่น้อย ทำให้พ่อค้าชาวจีนสามารถสื่อสารกับคนไทยได้ เขียนมาถึงตรงนี้ก็ขอแนะนำว่า ทับทิมจีนที่นี่ ต้องยกนิ้วให้เลย เนื้อทับทิมใสและหวานชนิดหาทานจากที่อื่นได้ยาก
แหล่งที่มาข้อมูลทัวร์ลาว : -
ตลาดดาวเรือง ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของลาวใต้
เที่ยวลาวใต้ได้ดำเนินมาถึงตอนที่ 7 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายแล้วละครับ จากนี้ไปก็เป็นการเดินทางกลับเมืองไทยผ่านทางด่านช่องเม็ก เขตอำเภอสิรินทร จังหวัดอุบลราชธานี แต่ก่อนกลับบ้านก็ต้องซ้อปปิ้งซื้อของฝากกันตามธรรมเนียม แต่จะได้ของติดไม้ติดมือไปมากแค่ไหน ก็ต้องไปเดินดูกัน
เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองปากเซ ในแขวงจำปาสัก อาจเรียกว่าเป็นศูนย์การค้าของลาวใต้ก็ได้ แต่เป็นศูนย์การค้าไม่ได้ติดแอร์ ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดใหญ่ ภายในอาคารมีสินค้าพวกเสื้อผ้า เครื่องเงิน และ ของใช้ต่างๆ ส่วนรอบนอกอาคารก็เป็นสินค้าทางการเกษตร ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องไม้เครื่องมือทางการเกษตร ส่วนประเภทพืชผักก็จะวางขาย หรือกองขายตามทางเดินรอบอาคาร
สำหรับคนไทยเรียกตลาดดาวเรืองนี้ว่า “ตลาดละลายทรัพย์ของคนไทย “
ตอนเช้าๆจะเห็นรถทัวร์ของไทยจอดริมถนนหน้าตลาดดาวเรืองหลายคัน รวมทั้งรถตู้อีกจำนวนไม่น้อย เรียกว่าเป็นสถานที่รวมพลนักท่องเที่ยวจากไทย และปิดท้ายโปรแกรมเที่ยวลาวใต้พร้อมๆกัน
ศูนย์การค้าดาวเรืองหรือตลาดดาวเรือง เทียบกับบ้านเราก็คล้ายๆกับตลาดไทในจังหวัดประทุมธานี ซึ่งเป็นตลาดขายส่งพืชผักต่างๆที่มาจากทุกภาค จากนั้นก็จะมีพ่อค้ารายใหญ่มารับซื้อไปจำหน่าย ส่วนตลาดดาวเรืองก็มีลักษณะคล้ายกัน ชาวบ้านหรือพ่อค้าจะรับซื้อจากชาวบ้านในปริมาณมากๆ แล้วนำสินค้ามาขายที่ตลาดดาวเรือง จากนั้นก็จะมีมีพ่อค้ามารับซื้อไปจำหน่ายในท้องถิ่นของตน บางแห่งก็ใช้เวลาเดินทางกันนานครึ่งวันค่อนวัน กว่าจะถึงหมู่บ้านของตนเอง มีต่างกับการเดินทางของชนบทไทยในสมัยก่อนที่ใครจะเข้าเมืองก็ต้องมาให้ทันรถในตอนเช้าๆ ที่อาจมีเพียงคันเดียว และเที่ยวเดียว สำหรับบางหมู่บ้าน และจะเดินทางกลับก็ช่วงบ่ายๆถึงเย็น กว่าจะมาถึงหมู่บ้านก็ค่ำพอดี
การออกมาซื้อข้าวซื้อของของชาวบ้านแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องใหญ่โต ซื้อกันครั้งละมากๆ มีทั้งน้ำตาล ข้าวสาร ครั้งละหลายๆ กระสอบ บรรทุกกันทั้งในรถและบนหลังคา หนักกว่านั้นก็อาจมีลูกหมู หรือเป็ดไก่ นั่งรถไปก็ได้กลิ่นขี้หมูขี้ไก่คละคลุ้งกันไป เมืองไทยอาจไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่ในลาวยังมีให้เห็น และเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่นี่
มาเที่ยวประเทศที่ยังค่อยเจริญนัก เรามักจะพบเห็นภาพเก่าๆ แปลกๆ ประเภทย้อนยุคอยู่หลายอย่าง อาจเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนไทย แต่บ้านเราก็เคยมีสิ่งเหล่านี้มาก่อน
นอกจากตลาดดาวเรืองจะเป็นแหล่งซื้อขายสินค้าจากท้องถิ่นแล้ว ก็ยังเป็นตลาดนำเข้าสินค้าจากไทยและจากประเทศจีน ที่มาจากไทยก็เป็นพวกสินค้าอุปโภค บริโภค เช่นกะปิ น้ำปลา สบู่ ยาสีฟัน อาหารแห้ง เครื่องใช้ที่ทำจากพลาสสติก รวมถึงบะหมีกึ่งสำเร็จที่ขายดีมากในประเทศลาว ส่วนสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน หรือคนจีนเป็นผู้นำเข้ามาขายเองไก้แก่ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นประเภทโลหะ หรือเครื่องเหล็ก
ตลาดดาวเรืองจึงเหมือนเป็นคลังสินค้าจากไทย ก่อนที่จะกระจายไปตามเมืองต่างๆของลาว และสินค้าจากไทยก็เป็นที่นิยมในหมู่คนลาว บอกว่าคุณภาพดีกว่าสินค้าจากจีน
แม้สินค้าจากจีนหลายอย่างมีคุณภาพด้อยกว่าที่ผลิตจากเมืองไทย แต่ด้วยราคาที่ต่ำมาก จึงให้ขายดีในระดับชาวบ้าน และยังแพร่กระจายไปในหลายประเทศทางแถบอินโดจีน รวมทั้งไทยด้วย ไปเที่ยวประเทศไหนก็หนีไม่พ้นต้องพบกับสินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าไปขายในประเทศนั้น มันเป็นกระแสที่หลายประเทศไม่สามารถต้านทานได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็พยายามทุกวิถีทางที่จะให้สินค้าของคนระบายออกสู่ต่างประเทศให้มากที่สุด เช่นสร้างถนนเชื่อมต่อในหลายประเทศ เพื่อความสะดวกด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่จริงๆแล้วก็เพื่อเป็นที่ระบายสินค้าของตนด้วย ประเภทยิงปืนนักเดียวแต่ได้นกหลายตัว
ลาวใต้ประกอบไปด้วยชนเผ่าต่างๆมากมาย จากการสำรวจพบว่ามีถึง 60 ชนเผ่า
นับว่ามีมากกว่าที่คิด นั่งรถออกไปนอกเมืองเราจะเห็นหมู่บ้านชนเผ่ามากมาย หรือในตลาดดาวเรืองก็เห็นมาจับจ่ายซื้อของ แต่ทั้งหมดนี้ก็คือคนลาว แต่เผ่าพันธ์อาจเป็นล่าวโซ่ง ลาวลุ่ม ลาวสูง ลาวเทิง ไทดำ ไทขาว ฯลฯ
แต่ที่ปากเซ มีชนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาอาศัยในช่วงที่ฝรั่งเศสปกครอง และเข้ามามากขึ้นในยุคสงครามคอมมิวนิสต์ ก็คือคนเวียดนาม ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศลาว
ปากเซเป็นเมืองที่มีชาวเวียดนามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะนั่งรถผ่านไปที่ถนนเลียบริมโขง ไกด์ลาวชี้ให้ดูหมู่บ้านชาวเวียดนามกลุ่มใหญ่ ส่วนมีจำนวนเท่าใดนั้นก็จำไม่ได้แล้วครับ แต่คิดว่ามีจำนวนไม่น้อย เฉพาะในตลาดดาวเรือง ก็เห็นคนหน้าตาออกไปทางเวียดนาม รวมทั้งแต่งกายแบบคนเวียดนามก็มีไม่น้อย
สังเกตไม่ยากครับ ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้วก็ดูไม่ยาก คนเวียดนามจะมีรูปร่างสูงโปร่ง ตรงข้ามกับคนลาวส่วนใหญ่ตัวเล็กกว่า ส่วนใบหน้าคนลาวจะออกกลมๆผิวคล้ำ ส่วนชาวเวียดนามจะมีใบหน้ารูปไข่ และมีผิวขาวกว่า ที่สำคัญหน้าตาดีกว่าคนลาวด้วย เหมือนกับที่มาให้ดูเป็นตัวอย่างในชุดที่ 7 นี้
หลังจากที่พวกเราลงรถไปอุดหนุนสินค้าจากตลาดดาวเรืองกันนานพอสมควรก็ได้เวลาขึ้นรถกลับประเทศไทย
ลาวใต้ น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชอบท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ และเป็นธรรมชาติที่หาดูไม่ได้ในบ้านเรา อาจตื่นตาไปกับป่าไม้ หรือลำน้ำโขงที่กว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งนิสัยอันใสซื่อของชาวลาว ที่สามารถพูดกับคนไทยได้อย่างเข้าใจ และอย่าได้แปลกใจที่คนลาวรู้เรื่องเมืองไทยไปหมด แม้กระทั่งชื่อดารา หรือนักร้องลูกทุ่ง เพราะคนลาวชอบดูละครโทรทัศน์จากไทย และรู้ข่าวสารเมืองไทยได้เป็นอย่างดี
หากคิดจะมาเที่ยวลาวใต้ประเภทมากันเอง ก็เพียงแต่ทำบัตรผ่านแดนที่ด่านช่องเม็ก โดยไม่จำเป็นต้องทำพาสปอร์ต จากกรุงเทพมีรถ บขส.วิ่งจากหมอชิต ไปถึงปากเซ วันละ 1 เที่ยว หรืออาจไปตั้งหลักที่สถานีขนส่งของจังหวัดอุบลราชธานีโดยตรงก็ได้ การเดินทางในเส้นทางนี้เข้าใจว่า บริษัทขนส่งจากไทยได้รับสัมปทานการเดินรถ เพราะสีสันรถ บขส.ของลาว กับของไทย ดูคล้ายๆกัน เข้าใจว่าเมื่อรถจากหมอชิตมาถึงท่ารถขนส่งที่อุบลแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนถ่ายรถเป็น บขส.ลาว โดยมีคนขับเป็นคนลาว
ส่วนการท่องเที่ยวเมื่อมาถึงปากเซแล้ว แนะนำให้ใช้บริการทัวร์ของท้องถิ่นจะสะดวกกว่า โปรแกรมเที่ยวก็จะพาไปชมน้ำตกที่มีชื่อของลาว เช่นตาดฟาน ตาดผาส้วม หลี่ผี คอนพะเพ็ง รถที่ใช้บริการจะป็นมินิบัส ติดแอร์จุได้ราว 20 ที่นั่ง หากไปเองโดยเหมารถสะกายแล๊ปอาจไม่คุ้ม นอกจากว่ามาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
หรือหากใช้บริการจากบริษัททัวร์จากเมืองไทย ก็มีหลายบริษัท ซึ่งรถทัวร์จากไทยสามารถผ่านเข้าไปในแดนลาวได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายรถเหมือนประเทศอื่นๆ หรือหากจะขับรถไปเองก็ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่อยากแนะนำ เพราะในลาววิ่งชิดขวา ต่างกับบ้านเราที่วิ่งชิดซ้าย สัตว์เลี้ยงในลาวก็มาก จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งก็เรื่องพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนน คนลาวยังไม่ค่อยจะปฏิบัติตามกติกา หรือมีความระมัดระวังมากนัก และเดาใจยาก อุบัติเหตุจากการขับรถเร็วจึงเกิดขึ้นได้เสมอ หากเกิดอะไรขึ้นก็อย่าได้โทษคนลาวว่าไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร ต้องโทษตัวเองว่าไม่รู้จักระมัดระวังมากกว่า