รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สุราษฎร์ธานี

tour-phra-that-si-surat-nationals-surat-thani

พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์
นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวเมืองบ้านดอน หรือชาวอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ริเริ่มดำเนินการสร้างโดยภาคประชาชนชาวบ้านดอน ต่อมาจึงได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจนสำเร็จในปี พ.ศ.2500 เป็นพระธาตุทรงสูงเรียวคล้ายลำเทียน ส่วนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 2 องค์ และพระธาตุของพระพุทธสาวกอีก 16 องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาสักการะพระธาตุ และทรงปลูกต้นพะยอม ไว้ที่หน้าองค์พระธาตุ เมื่อ วันที่ 27 มีนาคม 2502 และทรงรับพระธาตุศรีสุราษฎร์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระธาตุศรีสุราษฎร์จึงได้ชื่อว่า พระธาตุศรีสุราษฎร์ในพระบรมราชูปถัมภ์

tour-phra-that-si-surat-nationals-surat-thani

ในปี พ.ศ.2519 พบว่าองค์พระธาตุมีรอยชำรุดแตกร้าวที่ฐาน ต้องทำการบูรณะใหญ่โดยการสร้างใหม่ทั้งหมด โดยมีอาจารย์จิตร (ประกิต) บัวบุษย์ เป็นผู้ออกแบบ เป็นองค์พระเจดีย์รูปทรงเทียนพรรษาทรงเหลี่ยม ฐานล่างสุดเป็นลานวงกลมรอบองค์พระธาตุ จากฐานล่างสุดมีบันไดขึ้นสู่ฐานบนชั้นสูง มีสี่ทิศ มีที่สำหรับปลูกต้นไม้ประดับระหว่างช่องบันได โดยรอบด้วยซุ้ม 8 ทิศ สูงขึ้นไปมีบัวตอนยอดซุ้ม ต่อจากบัวก็ทำเป็นรูปทรงเทียนแปดเหลี่ยมลดรูปเล็กลง และมีบัวขั้นกลางหนึ่งชั้น และได้สร้างลดรูปจากบัวขึ้นไปอีกเป็นรูปสิบหกเหลี่ยมจนถึงยอด ซึ่งประกอบด้วยบัว ต่อจากบัวมียอดทำเป็นรูปด้วยเปลวไฟ มีฉัตรบัวยอด ฉัตรทำเป็นรูปตรีศูล มีความสูง 30.40 เมตร เริ่มเอาฤกษ์วันที่ 7 พฤษภาคม 2519 เป็นวันต้นรื้อถอนพระเจดีย์องค์เก่า และแล้วเสร็จเรียบร้อยในปี 2522 เป็นองค์เจดีย์ที่สวยสง่า สถิต ณ.ยอดเขาท่าเพชรอีกครั้งหนึ่ง

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มาทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุสาวก นอกจากนี้ยังทรงปลูกต้นเคี่ยมต้นไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ระลึก ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2527 เวลา 14.00 น.ถือเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ ความเป็นสิริมงคล และทรงคุณค่ายิ่งสำหรับชาวสุราษฎร์ธานี

บ้านดอน สุราษฎร์ธานี

tour-ban-don-surat-thani

บ้านดอน
เป็นศูนย์กลางชุมชนเมืองที่เกิดขึ้นด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์รอบอ่าวบ้านดอน เป็นศูนย์กลางการค้าขายนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโดยพัฒนามาพร้อม ๆ กับชุมชนโบราณอีกหลายแห่งที่อยู่บริเวณรอบอ่าวบ้านดอน เช่นเมืองไชยา เมืองท่าทอง และชุมชนที่อยู่ต้นน้ำคือเมืองเวียงสระ และเมืองท่าขนอน เมืองบ้านดอนผ่านรูปแบบการปกครองมาหลายยุคหลายสมัย จนที่สุดจึงเป็นที่ตั้งของตัวจังหวัดคืออำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อปี พ.ศ.2481

เมืองสุราษฎร์ฯ มีแม่น้ำตาปีไหลผ่านตัวเมืองสภาพโดยรวมของพื้นที่ทั้งสองฝั่งน้ำดูแตกต่างกันอย่างชัดเจนทางฝั่งบ้านดอนเป็นย่านที่อยู่อาศัย ศูนย์ราชการ ศูนย์การค้าการพาณิชย์และย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด ส่วนฝั่งในบางยังมีความเป็นชนบทมีวิถีชีวิตแบบชาวสวนและชาวประมงในพื้นที่น้ำท่วมถึง ที่มีลำคลองนับร้อยสายกระจายอยู่เต็มพื้นที่ไปจนจรดชายฝั่งทะเล เมืองสุราษฎร์ฯ เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนบนจึงเป็นศูนย์กลางของการเดินทางไปด้วย จากบ้านดอนสามารถไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆได้รอบ ทั้งภูเก็ต กระบี่ พังงาระนอง ชุมพร ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ หรือจะเป็นเกาะสมุยเกาะพงัน เกาะเต่า ก็ต้องเริ่มต้นที่บ้านดอนเช่นกัน

บ้านโฉลกหลำ สุราษฎร์ธานี

tour-koh-tao-surat-thani

บ้านโฉลกหลำ
เป็นอ่าวอยู่ทางทิศเหนือของเกาะพะงัน เป็นอ่าวลึกกำบังคลื่นลมในบางฤดูได้เป็นอย่างดี แต่บางฤดูคลื่นลมจัดมากเรือเข้าจอดเทียบท่าไม่ได้ เวลาคลื่นลมสงบจะมีเรือประมงเข้ามาจอดเป็นจำนวนมาก พ่อค้าแม่ค้าจะตั้งร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่นเดียวกับในตลาดใหญ่ สินค้าที่มีชื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับไปฝากคนที่อยู่ทางบ้านคือปลาหมึกตากแห้ง การเดินทาง จากท้องศาลา ระยะทาง ๑๕ กิโลเมตร

บ้านเกาะแรต สุราษฎร์ธานี

tour-ban-koh-rat-surat-thani

บ้านเกาะแรต
หมู่บ้านหนึ่งของตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่บนเกาะแรต เกาะเล็กๆที่แทบจะหาไม่เจอในแผนที่ ห่างจากฝั่งตรงบ้านแหลมลื่นประมาณ 500 เมตร ชุมชนชาวเกาะแรตเป็นชุมชนชาวประมง ที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่มาตั้งบ้านเรือน อยู่รวมกันประมาณ 90 ครัวเรือนในพื้นที่จำกัด ซึ่งก็ค่อนข้างแออัดหลังคาบ้านแทบจะชนกันก็ว่าได้ ชาวเกาะแรตอยู่กันอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีอัธยาศัยดีมาก เป็นกันเองกับผู้มาเยือนทุกคน อาชีพหลักของชาวเกาะแรตคือการทำประมงชายฝั่ง เราจึงจะเห็นภาพของกิจกรรมเกี่ยวกับประมงทั่วทั้งเกาะ เห็นการคัดแยกกุ้งหอยปูปลาที่จับมาได้ เห็นการทำปลาแห้ง ปลาเค็ม เห็นแผงตากปลา เห็นการปะชุนซ่อมแซมแหอวน ได้เห็นทุกอย่างที่เป็นวิถีชาวเรือที่เกาะแรต วิถีชุมชนคนเกาะแรตนี้เป็นแรงดึงดูดที่ทรงพลังที่ชักนำคนภายนอกให้เข้ามารู้จัก เข้ามาพูดคุยเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับพี่น้องชาวเกาะแรตของเรา

ชาวเกาะแรตส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน บนเกาะจึงมีศาลเจ้าประจำเกาะ เพื่อเป็นที่ประกอบพิธีต่างๆ และที่เกาะแรตนี้ยังมีประเพณีถือศีลกินเจ และแห่เทพเจ้าลุยไฟ เป็นงานประจำปีซึ่งจัดขึ้นเพียงแห่งเดียวของอำเภอดอนสัก เกาะแรตมีโรงเรียนบ้านเกาะแรต เปิดสอนในระดับประถม โรงเรียนนี้เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2483 โรงเรียนบ้านเกาะแรต เป็นโรงเรียนขนาดเล็กในกลุ่มที่มีนักเรียนต่ำกว่า 40 คนลงมา ด้วยสาเหตุที่มีนักเรียนและครูจำนวนน้อย การจัดการเรียนการสอนมีข้อจำกัดหลายด้าน ดังนั้นครูและชุมชนจึงได้พยายามร่วมแก้ไขปัญหาโดยมีการจัดเวทีพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียน ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษา เรื่องการส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนในเขตพื้นที่ใกล้บ้าน และมีการปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากขึ้น มีการจัดการเรียนการสอนที่เชื่อมประสานกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน

ก่อนหน้านี้ การเดินทางไปยังเกาะแรตต้องอาศัยเรือเท่านั้น นอกจากช่วงเวลาที่น้ำทะเลลงมากๆในบางเวลา ก็อาจจะเดินข้ามไปยังเกาะแรตได้ แต่ก็มีผลเสียคือเวลานั้นน้ำจะลดมากจนเรือเข้าท่าที่เกาะไม่ได้ เป็นอุปสรรคในการเดินทางและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวเกาะแรตมาโดยตลอด ประชาชนชาวบ้านเกาะแรตจึงทำหนังสือขอพระราชทานพระมหากรุณา ในการก่อสร้างสะพานไปยังสำนักราชเลขาธิการ จากนั้นสำนักราชเลขาธิการได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างสะพานดังกล่าวไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และให้ชื่อว่าสะพานเฉลิมสิริราช มีความยาว 400 เมตร รวมถึงถนนรองรับคอสะพาน ราวสะพาน ทางเท้า ระบบไฟฟ้าบนสะพานและลานจอดรถบนเกาะแรต พื้นที่ 650 ตารางเมตรโดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 43,630,000 บาท โดยได้เปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเปิดสะพาน ในวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2553 เวลา 16.00 น

สะพานเฉลิมสิริราชโครงการในพระราชดำริ ทำให้ประชาชนที่สัญจรไป-มาได้รับความสะดวก ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าทางการประมง ตลอดจนทำให้ชาวเกาะแรตมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากสาธารณูปโภค อาทิ ไฟฟ้า โทรศัพท์ น้ำประปา และการพัฒนาอาชีพ สะพานเฉลิมสิริราชเป็นประตูบานใหญ่ที่เปิดเกาะแรตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เกาะแรตอยู่ในทำเลที่มีทิวทัศน์รอบๆสวย มองเห็นเกาะต่างๆมากมาย ทั้งเกาะสมุย เกาะนกเภา เกาะพะลวย เกาะหลัก เห็นวิวของท่าเรือเฟอร์รี่ ไปจนถึงทิวเขาที่ต่อแดนกับอำเภอขนอม เห็นทิวทัศน์ของแหลมทวดและเจดีย์วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ (วัดพ่อหลวงจ้อย) เป็นจุดชมอาทิตย์ และดวงจันทร์ ขึ้นและตกที่สวยงาม เกาะแรตยังอยู๋ใกล้กับเส้นทางหากินของปลาโลมา จึงได้มีการจัดทำทางเดินรอบเกาะเพื่อดูโลมาอย่างใกล้ชิดแต่ไม่รบกวนธรรมชาติของโลมาเหล่านั้น และยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวของเกาะแรตอีกด้วย

ทิศเหนือ ติดกับ ทะเลอ่าวไทย
ทิศใต้ ติดกับ ทะเลอ่าวไทยด้านแหลมลื่น(ชุมชนเทศบาล)
ทิศตะวันออก ติดกับ ทะเลอ่าวไทยด้านชุมชนท้องอ่าว
ทิศตะวันตก ติดกับ ทะเลอ่าวไทยด้านแหลมทวด(ชุมชนเทศบาล)

น้ำตกวิภาวดี สุราษฎร์ธานี

tour-wi-pa-wadee-waterfall-surat-thani

น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกบ้านใน)
น้ำตกเล็กๆที่ชาวสุราษฎร์ฯ และใกล้เคียง นิยมเข้ามาเที่ยวพักผ่อน เล่นน้ำ ทานอาหารกันริมน้ำตก เพราะน้ำตกบ้านในอยู่ริมถนนสาย สุราษฎร์ฯ-นครศรีธรรมราช การเดินทางไปมาสะดวกมาก น้ำตกบ้านในมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า น้ำตกวิภาวดี ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดี รังสิต ซึ่งในการเสด็จเยี่ยมเมืองดอนสักครั้งแรก เมื่อ วันที่ 21 มีนาคม 2513 พระองค์ได้เสด็จมาทางรถยนต์ ในเส้นทางถนนลูกรัง ที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินแดง พระองค์ได้ประทับแรมที่น้ำตกบ้านใน 1 คืน รุ่งขึ้นได้ปฏิบัติพระกรณีกิจที่โรงเรียนวัดคีรีวงศ์ แล้วเสด็จต่อไปยังวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ที่ดอนสักต่อไป และชื่อน้ำตกวิภาวดีนี้ยังเป็นชื่อเรียกของน้ำตกอีกแห่งหนึ่ง คือน้ำตกวิภาวดี (น้ำตกคลองพาย) ที่กิ่งอำเภอวิภาวดี ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ ของพระองค์หญิงที่ได้ทรงดูแลสารทุกข์สุกดิบ ต่างพระเนตรพระกรรณในองค์พระบาทสมเด็จพระเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร จนพระองค์ต้องสิ้นชีพิตักษัย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

tour-wi-pa-wadee-waterfall-surat-thani

น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกบ้านใน ) เป็นสายน้ำที่ไหลตามลำคลองบ้านใน ที่เป็นลำธารหิน ผ่านผืนป่าร่มครึ้ม บางช่วงก็ถูกปิดกันด้วยโขดหิน เกิดเป็นน้ำตกเตี้ยๆ ให้ได้พักผ่อน ในความร่มรื่น และฉ่ำเย็นของสายน้ำ ทางตอนเหนือของธารน้ำก็มีแอ่งน้ำให้เล่นอีกแห่งหนึ่งที่บริเวณสำนักสงฆ์เวฬุวัน ซึ่งค่อนข้างจะเงียบสงบ ส่วนที่น้ำตกบ้านในจะมีบรรยากาศที่คึกคักมากกว่า ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และยังมีร้านอาหารประเภทร้านอาหารอีสานคอยบริการอีกด้วย ซึ่งร้านค้าเหล่านี้เคยสร้างปัญหาให้น้ำตกบ้านในมาระยะหนึ่ง เพราะมีการปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาชิดธารน้ำมากเกินไป จนสร้างทัศนวิสัยที่ไม่ดีให้กับน้ำตกบ้านใน แต่ปัจจุบันปัญหาที่เคยเกิดขึ้นได้รับการแก้ไขค่อนข้างดี น้ำตกบ้านใน พร้อมให้ความสดชื่น สนุกสนาน ในยามพักผ่อนกับครอบครัว หรือผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในการเดินทาง ให้กับทุกคน ที่มาเยือน

tour-wi-pa-wadee-waterfall-surat-thani tour-wi-pa-wadee-waterfall-surat-thani

น้ำตกเพชรพนมวัฒน์ สุราษฎร์ธานี

tour-pet-panom-wut-waterfall-surat-thani

น้ำตกเพชรพนมวัฒน์
หมู่ที่ 4 บ้านคีรีรอบ ต.ป่าร่อน อยู่บริเวณเทือกเขาม้ารุก เขตติดต่ออำเภอบ้านนาสาร ในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น น้ำตกมีลักษณะสูง 7 ชั้น พื้นล่างสุดมีแอ่งน้ำกว้างประมาณ 10 เมตร มีน้ำตกไหลตลอดปี ช่วงหน้าฝนน้ำจะมากเป็นพิเศษ มีที่พักของที่ทำการอุทยานไว้บริการสำหรับผู้ที่จะเข้าไปพักผ่อนค้างคืน

น้ำตกธารเสด็จ สุราษฎร์ธานี

tour-than-sadet-waterfall-surat-thani

น้ำตกธารเสด็จ
เดิมชื่อวนอุทยานน้ำตกแพง มีพื้นที่ ๔๑, ๒๕๐ ไร่ รวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะ พะงัน และพื้นที่ป่าที่อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งเกาะต่างๆ ที่อยู่รอบเกาะพะงัน อุทยานฯ ยังคงสภาพของป่าที่สมบูรณ์ มีพืชหลากหลายชนิด และมีกล้วยไม้ที่ลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ เพชรหึงหรือว่านหางช้าง โดยลำต้นที่มีความสูงกว่าสามเมตร เมื่อออกดอกก้านช่อดอกมีความยาวกว่าสองเมตร ดอกใหญ่ประมาณ ๑๐ เซนติเมตร กลีบดอกสีเขียวจนถึงเหลืองทอง และมีแต้มสีน้ำตาลแดงกระจายไปทั่ว ความสมบูรณ์ของป่าทำให้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด อาทิ กวางป่า หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ และชะมด รวมทั้งนกต่าง ๆ อุทยานฯ มีต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์คือ ต้นพะงาหรือต้นวา มียอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขาหรา สูง ๖๒๗ เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของเกาะพะงัน สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี การเดินทาง สามารถเช่ารถจากหาดท้องศาลาซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานฯ ๕ กิโลเมตร

สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ
น้ำตกแพง เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกที่สวยงามมีหลายชั้น เช่น แพงน้อย ธารน้ำรัก ธารกล้วยไม้ เป็นหนึ่งในสายธารเล็ก ๆ ของสายน้ำตกแพง ( แพง ภาษาถิ่นหมายถึง เพิงหินเล็ก ๆ ที่ลดหลั่นอันแสดงถึงความชุ่มชื้นของผืนป่า) ที่มีน้ำไหลตลอดปีที่แสดงถึงความสมบูรณ์ของผืนป่า และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ น้ำตกแพง- จุดชมวิวโดมศิลา ระยะทาง ๒. ๕ กิโลเมตร ใช้เวลา ๑ ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่เดินเลียบน้ำตก ทางชันเล็กน้อย ในเส้นทางจะพบพรรณไม้ต่าง ๆ ลำธารและน้ำตก ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ รวมทั้งกล้วยไม้เพชรหึง กล้วยไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานฯ อีกด้วย

จุดชมวิวโดมศิลา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๕๐๐ เมตร เป็นจุดชมวิว และชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

น้ำตกธารเสด็จ อยู่ตำบลบ้านใต้ เป็นน้ำตกที่รัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จประพาสและได้พระราชทานนามไว้ อีกทั้งเป็นน้ำตกที่ทรงโปรดมาก โดยได้เสด็จประพาสถึง ๑๔ ครั้งตลอดรัชกาล นอกจากนั้น รัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ พร้อมพระมเหสี และรัชกาลที่ ๙ ก็เคยเสด็จประพาส และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้ที่ก้อนหินบริเวณน้ำตกทุกพระองค์ การเดินทางไปน้ำตกธารเสด็จ สามารถไปได้ทั้งทางเรือและทางรถ หากเดินทางโดยทางเรือ เมื่อเริ่มเข้าอ่าวธารเสด็จจะพบความงามของภูเขาโขดหินที่มีรูปร่างแปลกๆ และหาดทรายสีขาว เมื่อขึ้นจากเรือแล้วเดินไปไม่ไกลนักจะพบกับลำธารมีกระแสน้ำไหลผ่านปะทะแก่งหินที่มีอยู่มากมาย ทำให้เกิดเสียงดังตามความเร็วของกระแสน้ำ ช่วงเดือนตุลาคม- มกราคม ไม่สามารถนั่งเรือไปน้ำตกได้ และถ้าเป็นทางรถจะต้องเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงจึงจะสามารถเดินทางไปได้ แต่ถ้าเป็นหน้าฝนการเดินทางจะลำบากมาก เพราะทางที่ผ่านจะเป็นทางลาดชันตลอดและเป็นภูเขาสูง การเดินทางจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

อุทยานฯ มีบ้านพักบริการ จำนวน ๑ หลัง มีเต็นท์ให้บริการจำนวน ๕ หลัง หรือนักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองก็ได้ สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ - เกาะพะงัน ตู้ ป. ณ. ๑ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๘๔๒๘๐ หรือ ๑๐๘ หมู่ ๓ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๘๔๒๘๐ โทร. ๐ ๗๗๒๓ ๘๒๗๕

ประวัติความเป็นมา
ในปี 2510 พระครูสุภัทรธรรมาภิรม (วิธูร ธรรมวโร) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ริเริ่มก่อตั้ง "วนอุทยานการุณเมตต์น้ำตกแพง" ขึ้น ในบริเวณน้ำตกแพง บ้านมะเดื่อหวาน ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกสวยงาม มีป่าไม้และสัตว์ป่าชุกชุม อยู่ใกล้ชุมชน และได้เริ่มมีชาวบ้านเข้าไปบุกรุกจับจองพื้นที่ พระครูสุภัทรธรรมาภิรมจึงได้ชักชวนพระเณรและชาวบ้านตัดถนนเข้าไปที่ตัวน้ำตกแพง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตกลงกับชาวบ้านยุติการบุกรุกบริเวณน้ำตกแพงให้ช่วยกันอนุรักษ์แทนการทำลาย และในปี 2520 พระครูสุภัทรธรรมาภิรมได้มอบวนอุทยานการุณเมตต์น้ำตกแพงให้กับกรมป่าไม้เพื่อให้ประกาศเป็น "วนอุทยานน้ำตกแพง"

พ.ศ. 2530 นายประทีป ทวยเจริญ สมาชิกสภาจังหวัดเขตอำเภอเกาพะงันได้มีหนังสือถึงกรมป่าไม้ว่าพื้นที่ของเกาะพะงัน ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะพะงัน มีธารน้ำตก ป่าไม้ และสัตว์ป่าที่อุดมสมบูรณ์ สามารถที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต จึงเสนอให้กรมป่าไม้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ต่อมาในปี 2532 กรมป่าไม้โดยกองอุทยานแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่มาดำเนินการ สำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะพะงัน ป่าน้ำตกธารเสด็จ ป่าเขาลาดแก้ว ป่าเขาค่าย ป่าเขาตาหลวง ป่าเขาหินนก ป่าแหลมนายโพธิ์-แหลมกะทะคว่ำ และป่าเขาไฟไหม้ เพื่อเตรียมการประกาศเป็น "อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ" ซึ่งต่อมาได้มีการสำรวจ เพิ่มเติมในบริเวณเกาะเต่าบางส่วน และหมู่เกาะรอบๆ เกาะพะงัน

ที่ตั้งและอาณาเขต
อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน และตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 100 กิโลเมตร ลักษณะทั่วไปเป็นภูเขาสูง โดยมียอดเขาสูงสุดคือ ยอดเขาหรา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 627 เมตร มีป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 42,750 ไร่ หรือ 68.4 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทะเลประมาณ 12,125 ไร่ หรือ 19.4 ตารางกิโลเมตร

การคมนาคม
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 100 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยเรือโดยสาร ทั้งประเภทเรือด่วน เรือนอน เและเรือเฟอร์รี่ จากตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปที่ท่าเรือท้องศาลา เกาะพะงัน แล้วเดินทางโดยรถยนต์ ไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติ (บริเวณน้ำตกแพง) อีก 4 กิโลเมตร

ทรัพยากรธรรมชาติ
1. พืชพรรณ ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จสามารถจำแนกชนิดของพันธุ์ไม้ออกได้ตามประเภทของป่าดังนี้ คือ - ป่าดงดิบชื้น หรือป่าดงดิบ เป็นป่าไม้ไม่ผลัดใบมีสีเขียวสดตลอดปี สภาพป่ารกทึบทั้งในเรือนยอดของไม้ใหญ่ และชั้นไม้พื้นลาง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ไม้ยาง ยูง ตะเคียน กระท้อน ขนุนปาน จิกเขา ตำเสา นาคบุตร พิกุลป่า หว้า เหรียง หลาวชะโอน เป็นต้น สำหรับไม้พื้นชั้นล่างประกอบด้วยไม้ไผ่ชนิดต่างๆ เช่น ระกำ หวายชนิดต่างๆ เต่าร้าง ตลอดจนพืชชั้นต่ำ ที่อาศัยลำต้นหรือเรือนยอดของต้นไม้ ขนาดใหญ่ หรือเกิดขึ้นร่วมกับไม้อื่นๆ เช่น กล้วยไม้ มอส เฟิน และเถาวัลย์ชนิดต่างๆ
- ป่าดงดิบแล้ง เป็นป่าที่ปกคลุมไหล่เขา ตามร่องน้ำที่เป็นเขาหินเป็นส่วนใหญ่มีเนื้อดินเป็นชั้นบาง จึงประกอบด้วยไม้ ที่ไม่สามารถทำเป็นสินค้าได้ มีขนาดเล็ก ลำต้นไม่สูงมากนัก ป่าประเภทนี้มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ไม้พลองใบใหญ่ รังเขา หัวค่าง เกด พลองตาเป็ด พลองกินลูก เจียด ชมัง หลงใหล กลุ่มของไม้หนามขี้แรด หรือข่อยหนาม ตังหน มังตาล ยมหิน ยอป่า เป็นต้น
- ป่าเขาหินปูน เป็นป่าที่เกิดขึ้นบริเวณเกาะแก่งทั่วไป พรรณไม้ที่พบจำพวก ไทร โพทะเล ปอทะเล เชียด สลัดได เป็นต้น

2. สัตว์ป่า จากการสำรวจสภาพพื้นที่จริง และสอบถามจากราษฎรในท้องที่พบว่า เกาะพะงันเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่าหลายชนิด จึงสามารถจำแนกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประกอบด้วยกวางป่า หมูป่า ลิง ค่าง ลิง กระรอก กระแต พญากระรอก อีเห็น ชะมด และหนูชนิดต่างๆ โดยเฉพาะกวางป่าจากการสอบถามจากราษฎรในท้องภิ่นปรากฏว่ามีอยู่มากมายไม่น้อยกว่า 200 ตัว ซึ่งชาวเกาะพะงันได้รับพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเปล่ากวางเพศผู้และเพศเมียอย่างละ 1 ตัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จ จึงนับเป็นระยะเวลา 100 ปีมาแล้ว
- นก ประกอบด้วยนกหลายชนิด เช่น เหยี่ยวรุ้ง นกออก นกเอี้ยง นกขุนทอง อีกา นกดุเหว่า นกกวัก นกกระปูดใหญ่ นกกระเต็น นกกางเขนดง นกกางเขนบ้าน นกเขา นกเขาเขียว นกปรอดคอลาย เป็นต้น
- สัตว์เลื้อยคลาน ประกอบด้วยพวกเต่า ตะพาบน้ำ ซึ่งอาศัยอยู่ตามลำธารน้ำจืดในป่า กิ่งก่า ตุ๊กแก แย้ จิ้งจก จิ้งเหลน ตะกวด แลน และสัตว์ประเภทงูชนิดต่างๆ ซึ่งที่มีพิษ และไม่มีพิษ เช่น งูเห่า งูจงอาง งูเขียว งูเหลือม
- สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ประกอบด้วยกบ เขียดชนิดต่างๆ ส่วนมากพบตามบริเวณลำห้วย

- ปลา ประกอบด้วยปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ กุ้ง และปูน้ำจืด

3.ทรัพยากรทางทะเล ในท้องทะเลของอุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จอุดมสมบูรณ์ด้วยปะการัง ปู ปลา และหอยชนิดต่าง ๆ

การท่องเที่ยว
1. แหล่งท่องเที่ยว เท่าที่ได้ทำการสำรวจมีหลายแห่งด้วยกัน คือ
- น้ำตกธารเสด็จ เป็นน้ำตกที่ทีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะพะงันราษฎรชาวเกาะพะวัน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 18 กิโลเมตร มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ในราชวงจักรี เคยเสด็จประพาสหลายรัชกาล ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ดังมีหลักฐานปรากฏพระปรมาภิไธย จปร. วปร. ปปร. และ ภปร. โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 นั้นเสด็จประพาสถึง 14 ครั้ง

- อ่าวธารเสด็จ เป็นพื้นที่อ่าวอยู่ติดต่อกับน้ำตกธารเสด็จ มีลักษณะเป็นพื้นราบติดกับชายทะเล มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ มีหาดทรายที่สวยงามและน้ำทะเลที่ใสสะอาด เหมาะแก่การพักผ่อน อาบแดด และเล่นน้ำทะเล

- น้ำตกธารประพาส เป็นน้ำตกแห่งที่ 2 ของอำเภอเกาะพะงันที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาสรอบอ่าวบ้านดอน จากหลักฐานจดหมายเหตุ ร.ศ. 108 - 119 มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. อยู่ที่ตัวน้ำตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 16 กิโลเมตร

- น้ำตกธารประเวศ เป็นน้ำตกแห่งที่ 3 ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาส รอบอ่าวบ้านดอน จากหลักฐานจดหมายเหตุ ร.ศ. 108 - 119 มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. อยู่ที่ตัวน้ำตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 25 กิโลเมตร

- น้ำตกแพง เป็นน้ำตกที่เกิดจากเทือกเขาบริเวณบ้านมะเดื่อหวาน ไหลจากหน้าผาสูงมีความสวยงามมาก มีน้ำตลอดปี และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไป เดิมอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นที่ทำการอุทยาน มีถนนดินลูกรังเข้าถึงน้ำตก มีนักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปเที่ยวชม และพักผ่อนหย่อนใจอยู่เป็นประจำ และสภาพป่าไม้บริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะเขาไม้งาม ซึ่งอยู่ใกล้น้ำตก ยังอยู่ในสภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ บริเวณน้ำตกมีจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ของเกาะพะงันและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง

- ยอดเขาหรา เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะพะงัน สูงประมาณ 627 เมตร จาระดับน้ำทะเล เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ ของเกาะพะงันได้ทั่วทั้งเกาะ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 5 กิโลเมตร

2. สิ่งอำนวยความสะดวก มีเฉพาะสถานที่กางเต็นท์ไว้รับรองนักท่องเที่ยวเท่านั้นในการประกอบกิจกรรมนันทนาการในเขตอุทยานแห่งชาติไม่ว่าจะเป็น การเล่นน้ำ การนั่งเรือชมทิวทัศน์ ชมถ้ำ การดำผิวน้ำ ดูปะการัง การพักแรมค้างคืน การก่อไฟ ให้กระทำได้เฉพาะในเขตหรือบริเวณที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรกระทำหรือ ส่งเสียงอื้อฉาวรบกวนคนหรือสัตว์ ไม่เดินออกนอกเส้นทางถาวร ไม่สัมผัสหรือจับต้องภาพเขียนสีและหินงอกหินย้อย ตลอดจน ปฏิบัติตนตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด หรือตามที่เจ้าหน้าที่ได้ทำเครื่องหมายไว้ สำหรับผู้ที่ไปกางเต็นท์พักแรมจะต้อง เตรียมเครื่องนอน และอุปกรณ์ในการพักแรมไปเอง และต้องเก็บและทำความสะอาดที่พักให้เรียบร้อยเมื่อเลิกใช้แล้ว การก่อไฟ จะต้องไม่เก็บหรือ ตัดกิ่งไม้ยืนต้นมาใช้และต้องระมัดระวังมิให้ไฟลุกลามไปยังที่อื่น ต้องดับไฟให้สนิททุกครั้งที่เลิกใช้ และสำหรับผู้ที่พิศมัยในการดำน้ำ ดูปะการังจะต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเอง

ท่าเรือเฟอร์รี่ สุราษฎร์ธานี

tour-ferry-terminal-surat-thani tour-ferry-terminal-surat-thani

ท่าเรือเฟอร์รี่
อยู่บริเวณแหลมกุลา หมู่ที่ ๑๐ ตำบลดอนสัก ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ประมาณ ๗ กิโลเมตร เป็นท่าเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเกาะสมุย โดยนำรถยนต์ข้ามไป หรือนั่งโดยสารเพียงอย่างเดียวก็ได้

ทะเลใน สุราษฎร์ธานี

tour-talay-nai-surat-thani

ทะเลใน
หรือทะเลสาบกลางภูเขา อยู่บนเกาะแม่เกาะเป็นปรากฏการทางธรณีวิทยา โดยเกิดจากแอ่งหินปูนที่ยุบตัวทะเลในมีลักษณะเป็นวงรี กว้าง 250 เมตร ยาว 350 เมตร ลึก 7 เมตรมีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีทิวทัศน์สวยงามจากจุดชมวิวจะเห็นทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ของทะเลในสีเขียวมรกตรวมทั้งเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเปิด ซึ่งโอบรอบด้วยโขดเขาและแมกไม้ปกคลุม

tour-talay-nai-surat-thani

ลักษณะการเกิดของทะเลในมีกำเนิดมาจากเขาหินปูนซึ่งสะสมตัว จากการตกตะกอนของสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCo3) ร่วมกับการทับถมของซากสัตว์ ที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตื้น เมื่อประมาณ 260 ล้านปีล่วงมาแล้ว หลังจากที่หินปูนทับถมจนกลายเป็นหินแข็งแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้ชั้นหินปูนเหล่านี้ถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นเขาสูง และเมื่อเขาหินปูนถูกน้ำฝน น้ำท่า และน้ำบาดาล ชะละลายเอาเนื้อหินออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดลักษณะธรณีสัณฐานแบบคาสต์ ซึ่งเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ้ำ และทางน้ำใต้ดินขึ้น และเมื่อน้ำละลายเอาหินปูนที่อยู่ข้างใต้หลุมบ่อหรือถ้ำเหล่านั้นออกไปมาก จนหลุมหรือถ้ำมีขนาดใหญ่และผนังถ้ำบางลง ผนังถ้ำส่วนบนจึงได้พังทลายลง ทำให้พื้นดินตอนบนยุบลงกลายเป็นหลุมใหญ่ มีสภาพเป็นหลุมยุบที่ปากหลุมมีลักษณะค่อนข้างกลม และเชื่อว่าการละลายของหินปูนน่าจะเป็นไปอย่างกว้างขวาง หลุมยุบนี้จึงค่อยๆ ลึกลงเรื่อยมา จนทะลุติดต่อถึงทางน้ำข้างล่าง หลังจากนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เขาหินปูนเหล่านี้ จมลงใต้ทะเล เกิดเป็นหมู่เกาะที่น้ำทะเลไหลทะลักเข้าไปภายในโดยช่องทางน้ำใต้ดิน มาสะสมขังตัวอยู่ในหลุมยุบ ทำให้เกิดเป็นทะเลใน ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามตระการตา

ค้นหาที่ท่องเที่ยว


Thailand Tourism Standard

ทัวร์แนะนำ

ผู้เข้าชม

มี 1036 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์