2 ช่องทางและวิธีการเดินทาง แผนที่ ภูมิอากาศ ยะลา

ช่องทางและวิธีการเดินทาง จังหวัดยะลา
รถยนต์
ยะลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 1,084 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนเพชรเกษมผ่านเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่ และเดินทางต่อไปปัตตานีจนถึงยะลา
รถไฟ
ยะลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 1,055 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถ กรุงเทพฯ - ยะลา ทุกวัน ทั้งรถด่วนและรถเร็ว รายละเอียดสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. 1690, 0 2223 7010, 0 2220 4334 www.railway.co.th สถานีรถไฟยะลา โทร. 0 7321 4207
รถโดยสารประจำทาง
มีรถปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด บริการระหว่าง กรุงเทพฯ – ยะลา รถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 02 894 6122 จองตั๋ว บขส. โทร. 02 422 4444 หรือ www.transport.co.th และบริษัทเอกชน บริการระหว่างกรุงเทพฯ – ยะลา – เบตง ติดต่อบริษัท ไทยเดินรถ โทร. 0 2435 5015 และบริษัท ปิยะทัวร์ โทร. 0 2435 5014
เครื่องบิน
ไม่มีบริการเดินทางโดยเครื่องบินไปจังหวัดยะลาโดยตรง แต่นักท่องเที่ยวสามารใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ – หาดใหญ่ และเดินทางต่อไปยังจังหวัดยะลาโดยรถไฟ รถประจำทาง รถแท๊กซี่หรือรถตู้ปรับอากาศ สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด โทร. 1566, 0 2280 0060, 0 2628 2000 สำนักงานหาดใหญ่ โทร. 0 7423 3433 www.thaiairways.com หรือ หจก.สายโสภา รีพีทเตอร์ ยะลา โทร. 0 7321 2582, 0 7321 5830
การคมนาคมภายในตัวจังหวัด จ.ยะลา
| รถตู้ไปหาดใหญ่ | ค่าโดยสารคนละ 130 บาท | โทร. 0 7323 1924 |
| รถตู้ไปยะลา | ค่าโดยสารคนละ 60 บาท | โทร. 0 7323 2280 |
| แท็กซี่ไปยะลา | ค่าโดยสารคนละ 80 บาท | โทร. 0 7323 1326 |
| รถบัสไปยะลา | ค่าโดยสารคนละ 60 บาท | โทร. 0 7323 1966 |
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ
| อำเภอยะหา | 21 กิโลเมตร |
| กิ่งอำเภอกรงปินัง | 22 กิโลเมตร |
| อำเภอรามัน | 26 กิโลเมตร |
| อำเภอบันนังสตา | 39 กิโลเมตร |
| อำเภอกาบัง | 40 กิโลเมตร |
| อำเภอธารโต | 61 กิโลเมตร |
| อำเภอเบตง | 40 กิโลเมตร |
แผนที่ จังหวัดยะลา

แผนที่จังหวัด จังหวัดยะลา นิววิวทัวร์

แผนที่ตัวเมือง จังหวัดยะลา นิววิวทัวร์

แผนที่ท่องเที่ยว จังหวัดยะลา นิววิวทัวร์
ภูมิอากาศ จังหวัดยะลา
จังหวัดยะลาตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม และฤดูฝนเริ่มตั้งแต่ พฤษภาคม - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 23.1 องศาเซลเซียส และสูงสุด เฉลี่ย 32.7 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,281.6 มิลลิเมตร ต่อปี มีฝนตกเฉลี่ย 135 วันต่อปี เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน มีฝนตกชุกที่สุด
ลักษณะอากาศทั่วไป
จังหวัดยะลาอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมที่พัดประจำเป็นฤดูกาล 2 ชนิด คือ ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาว จะมีลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นลมเย็นและแห้งจากประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคต่าง ๆ ทางตอนบนของประเทศตั้งแต่ภาคกลางขึ้นไปมีอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งทั่วไป แต่ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปรวมถึงจังหวัดยะลากลับมีฝนตกชุกเพราะลมมรสุมนี้พัดผ่านอ่าวไทยจึงพาเอาไอน้ำไปตกเป็นฝนทั่วไป อากาศจึงไม่หนาวเย็นดังเช่นภาคอื่น ๆ ที่อยู่ตอนบนของประเทศ แต่อาจมีอากาศเย็นบ้างเป็นครั้งคราว ลมมรสุมอีกชนิดหนึ่งคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านมหาสมุทรอินเดียจึงพัดพาเอาไอน้ำและความชื้นมาสู่ประเทศไทย แต่เนื่องจากเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกกั้นกระแสลมไว้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกและจังหวัดยะลามีฝนตกน้อยกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลม
อุณหภูมิ
จังหวัดยะลาอยู่ใกล้ทะเล ฤดูร้อนมีอากาศไม่ร้อนมากนัก ส่วนฤดูหนาวไม่ถึงกับหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 27.0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32.0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.6 องศาเซลเซียส เดือนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวที่สุดคือเดือนพฤษภาคม เคยตรวจอุณหภูมิสูงที่สุดได้ 37.5 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2515 เคยตรวจอุณหภูมิต่ำที่สุดได้ 17.5 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2516
ความชื้นสัมพัทธ์
ความชื้นสัมพัทธ์สัมพันธ์กับมวลอากาศและอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสำคัญ เนื่องจากได้รับอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสำคัญ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมทั้งสองฤดู คือมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มรสุมทั้งสองชนิดนี้ก่อนที่จะพัดเข้าสู่บริเวณจังหวัดได้พัดผ่านทะเลและมหาสมุทรจึงพาเอาไอน้ำและความชุ่มชื้นมาด้วยทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์สูง ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดปีประมาณ 80 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 95 % ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 62 % และเคยตรวจความชื้นสัมพัทธ์ต่ำที่สุดได้ 28 % ในเดือนมีนาคม
ฝน
ยะลาเป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกจัดว่าเป็นจังหวัดที่มีฝนตกตลอดปี ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนตกชุกกว่าฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เพราะอยู่ทางด้านตะวันออกไม่มีภูเขาสูงใดปิดกั้น จึงได้รับกระแสลมนี้เต็มที่ ทำให้มีฝนตกชุกในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม โดยมีฝนสูงสุดอยู่ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีฝนตกน้อยกว่าฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะภูมิประเทศมีแนวเทือกเขาตะนาวศรีปิดกั้น ทำให้ได้รับกระแสลมจากมรสุมนี้ไม่เต็มที่ ปริมาณฝนของจังหวัดอยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าเทียบทั้งประเทศ แต่ถ้าเทียบภายในภาคเดียวกันมีฝนอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ฝนเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 1,800 – 2,000 มิลลิเมตร มีฝนตกประมาณ 100 – 150 วัน เดือนที่มีฝนตกมากที่สุด คือ เดือนพฤศจิกายน มีฝนเฉลี่ยประมาณ 432.1 มิลลิเมตร ฝนตกประมาณ 21 วัน ฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมงเคยวัดได้ 269.2 มิลลิเมตร เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2509
จำนวนเมฆ
ตลอดทั้งปีมีเมฆเฉลี่ยประมาณ 6 ส่วนของจำนวนเมฆ 8 ส่วนในท้องฟ้า ในฤดูร้อนมีเมฆเฉลี่ย 4 ส่วน ฤดูฝนมีเมฆเฉลี่ย 7 ส่วน ส่วนในฤดูหนาวมีเมฆเฉลี่ย 5 ส่วน
หมอก ฟ้าหลัว และทัศนวิสัย
โดยเฉลี่ยแล้วจังหวัดยะลาเกิดหมอกได้ประมาณเดือนละ 1 – 4 วัน ส่วนมากจะเกิดระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน วันที่เกิดหมอกทัศนวิสัยจะเลวเห็นได้ไกลไม่เกิน 1 กิโลเมตร ส่วนฟ้าหลัวเกิดมากระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน ประมาณ 5 – 12 วัน วันที่มีฟ้าหลัวจะเห็นได้ไกลประมาณ 6 กิโลเมตร ทัศนวิสัยเฉลี่ยเวลา 07.00 น. ประมาณ 7 กิโลเมตร และเฉลี่ยตลอดวันประมาณ 9 กิโลเมตร
ลม
จังหวัดยะลามีลมพัดผ่านประจำตลอดปีดังนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนเป็นลมทิศตะวันออก ความเร็วลมเฉลี่ย 6 – 11 กม./ชม. เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเป็นลมทิศตะวันตก ความเร็วเฉลี่ย 6 – 9 กม./ชม. กำลังลมสูงสุดที่เคยตรวจได้ดังนี้ ฤดูหนาวเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 56 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันตกในเดือนพฤศจิกายนและทิศตะวันออกในเดือนธันวาคมและมกราคม ฤดูร้อนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 65 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันออกค่อนไปทางใต้เล็กน้อยในเดือนมีนาคม ส่วนในฤดูฝนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 74 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันตกในเดือนมิถุนายน
พายุหมุนเขตร้อน
พายุหมุนเตร้อนที่ทำความกระทบกระเทือนให้กับจังหวัดยะลาโดยตรงนั้นยังไม่เคยปรากฎ นอกจากได้รับความกระทบกระเทือนจากพายุดีเปรสชั่นที่พัดผ่านจังหวัดใกล้เคียงและทำให้จังหวัดยะลามีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงเป็นครั้งคราว บางครั้งทำให้เกิดน้ำท่วมได้ กำลังแรงของลมและคลื่นในทะเลจะทำอันตรายแก่เรือขนาดเล็กและอาคารบ้านเรือนทีอยู่ตามชายฝั่ง พาายุที่มีความรุนแรงและทำความกระทบกระเทือนให้แก่จังหวัดยะลาและภาคใต้เป็นบริเวณกว้างได้แก่พายุโซนร้อน “ฮาเรียต” ซึ่งก่อตัวในทะเลจีนใต้ใกล้ปลายแหลมญวน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2505 แล้วเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยพร้อมกับทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และได้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ระหว่างวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2505 ลงสู่ทะเลอันดามัน พายุนี้ได้ทำความเสียหายเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้ โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 935 คน และบาดเจ็บ 445 คน ทรัพย์สินของทางราชการและเอกชนเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 1,320 ล้านบาท นับเป็นความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย

